วันนี้ (6 มี.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กระทรวงพาณิชย์จะส่งเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายใน เข้าประจำจุดตามโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทั้ง 11 แห่ง เพื่อบันทึกปริมาณการผลิต หลังคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดราคาขายปลีกหน้ากากอนามัย ไม่เกินชิ้นละ 2 บาท 50 สตางค์ โดยจะมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มี.ค.2563 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าควบคุมปริมาณหน้ากากอนามัยในประเทศทั้งระบบ จากเดิมหน้ากากอนามัยในระบบผลิตได้วันละ 1,200,000 ชิ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จะพิจารณาจัดสรรให้โรงพยาบาลและสถานบริการทางการแพทย์ทั่วประเทศ เป็นลำดับแรก เฉลี่ยวันละ 700,000 ชิ้น ก่อนนำมาจำหน่ายให้ประชานผ่านขบวนรถเคลื่อนที่ 111 คันทั่วประเทศ
700,000 ชิ้นแรกที่ส่งไป รพ.ทุกสังกัดทั่วประเทศ เพื่อเร่งช่วยเติมสต็อกให้กับ รพ.ก่อน เมื่อพอใช้ระยะหนึ่งก็จะต้องบริหารทุกวันว่า ตรงไหนขาด ตรงไหนเกินอย่างไร จะได้บริหารจัดการได้ทันท่วงที
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์
ด้าน นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ยอมรับว่า โรงพยาบาลเอกชนและคลินิก ใช้หน้ากากอนามัยไม่น้อยกว่าวันละ 250,000 ชิ้น แต่ขณะนี้ได้รับการจัดสรรเฉลี่ยวันละ 100,000 ชิ้น ซึ่งยังต่ำกว่าปริมาณความต้องการใช้จริง
ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ประสานโรงงานผลิต สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผลิตหน้ากากอนามัยชนิดผ้า นำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนฟรี 30 ล้านชิ้น โดยจะแจกให้ประชาชนคนละ 3 ชิ้นในพื้นที่แออัดก่อน
เมื่อผลิตมาเสร็จแล้ว จะมีการชำระเงินให้กับเอกชน แต่จะแจกฟรีให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้จะเสนอเข้า ครม. เพื่อลดภาระประชาชน
ข้อมูลจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ปัจจุบันมีบริษัทที่ผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้า ชนิดป้องกันแบคทีเรียอยู่แล้ว มีวิธีการผลิต 2 แบบคือ การฉีดแอนตี้แบททีเรียลงบนเส้นใยของผ้า และการเคลือบแอนตี้แบททีเรียลงบนหน้ากาก แต่จะต้องหารือว่าจะพิจารณากำหนดต้นทุนอย่างไร เพราะการผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้าจะมีต้นทุนสูงกว่าหน้ากากทางการแพทย์ ทำให้มีราคาขาย 30-40 บาทต่อชิ้น