วันนี้ (5 มี.ค.2561)ไทยพีบีเอส ยังเกาะติดขบวนการค้าเสือโคร่งข้ามชาติ เพื่อตอบคำถามว่าทำไมขบวนการนี้ยังอยู่ได้เพราะมีคนนิยมบริโภค และยังตั้งคำถามต่อว่า แล้วเสือมาจากไหน มีฟาร์มเสือแห่งหนึ่งในลาว เชื่อว่าเป็นแหล่งกักขังเสือเพื่อรอชำแหละ
โดยหลังกำแพงที่เข้าสำรวจ ถูกระบุว่าอาจเป็นกรงขนาดใหญ่ใช้สำหรับขังเสือ ที่ทำโดยเครือข่ายค้าเสือข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินโดจีน ภายในบริเวณมีเนื้อที่นับร้อยไร่ตั้งอยู่ชานเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว
นายเอ็ดวิน วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า กล่าวว่า นี่คือทัณฑสถานของเสือนับร้อยตัว ระหว่างรอเวลาชำแหละ หรือขายต่อทั้งตัวให้กับผู้ที่นิยมบริโภคสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าป่า ฟาร์มเสือแห่งนี้มีนายทุนคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับขบวนการล่าเสือในไทย เมื่อคนกลุ่มนี้ล่าเสือจากป่า ส่งข้ามโขง ไปถึงร้านเปิปพิสดารได้ เสือ 1 ตัวอาจจะมีมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท
ชายแดนไทยลาวมีอยู่ 3 ฟาร์มที่รู้จักกันส่วนมากแถวท่าแขก ตรงข้าม จ.นครพนม มีเสือประมาณ 200-300 ตัว แต่ตัวเลขกลับไม่นิ่ง มีขึ้นและลง และน่าจะเป็นเซฟเฮ้าส์ จะมีการรับ เพาะพันธุ์และชำแหละ และเป็นคนจีน ที่เข้าไปอาจไปเที่ยว และชี้ไว้ว่าจะเอาเสือ อาจมีการชำแหละไว้ให้อีก 24 ชั่วโมงไปรับได้เลย
เราพยายามเจรจากับเจ้าของเพื่อขอเข้าไปสำรวจภายในฟาร์มแห่งนี้ แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยปลายสายอ้างว่า ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงไม่สามารถเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในได้ แต่อดีตคนงานภายในฟาร์มเสือแห่งนี้ยืนยันว่า ที่นี่คือแหล่งชำแหละเสือเพื่อนำกระดูกไปเคี่ยวจนกลายเป็นกาวส่งขายในตลาดค้ายาโปว์ในเวียดนาม
แหล่งข่าวระบุว่า ที่นี่เป็นแหล่งชำแหละเสือ และมีเส้นใหญ่ ในประเทศลาวนี่มีที่นี่เดียว ประเทศอื่นเข้าไม่ให้ทำแบบนี้ มันเหมือนเป็นสถานที่ทองเที่ยว แต่ป็นฟาร์มเสือโดยเฉพาะ ก็ไม่ใช่สวนสัตว์
ฟาร์มเสือแห่งนี้มีเฮียจึก ซึ่งเป็นคนไทยแต่มีภรรยาชาวลาวเป็นเจ้าของ มีประวัติพัวพันการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติในไทยมาก่อน แม้จะไปตั้งถิ่นฐานในลาวแต่ยังมีเครือข่ายค้าสัตว์ป่าอยู่ในไทย
โดยเสือในฟาร์มบางส่วนถูกนำเข้าไปจากไทย ผ่านสายสัมพันธ์ของนักธุรกิจฟาร์มเสือชื่อดังในไทย 2 กลุ่ม คือเฮียชัย ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก และเจ๊ดาว คนโตแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผ่านจังหวัดนครพนมข้ามไปยังท่าแขก เมื่อชำแหละแล้วเนื้อจะส่งไปยังร้านอาหารเปิบพิสดารในจีน และร้านอาหารป่าในท่าแขก ส่วนกระดูกตลาดใหญ่สุดคือเวียดนาม
นายเอ็ดวิน บอกว่า ถ้าเสือโคร่งมาจากฟาร์มในลาว ส่วนมากจะชำแหละกันในฟาร์ม และส่งเป็นชิ้น และแพ็คไว้ และส่งไปประเทศจีนประมาณภายใน 20 ชม และถ้ามาจากไทย จไม่ชำแหละ แต่จะตัดครึ่งท่อนเสือ และเอาลำไส้ออกแค่นั้น ถ้าเราเห็นของกลางก็จะบอกว่าเสือมาจากที่ไหน
เสือตายในไทยราคาอยู่ที่ 600,000-800,000บาท แต่เมื่อข้ามโขงไปแล้วราคาจะเพิ่มสูงขึ้นราว 4 เท่า เมื่อชำแหละแล้วหัวเสือมีราคา 50,000-7 60,000-บาท เขี้ยวเสือในไทย 20,000- 50,000 บาท แต่ในจีนราคา 800,000- 1,000,000 ล้านบาทต่อคู่ กระดูกกิโลกรัมละ 30,000-50,000 บาท เมื่อนำไปเคี่ยวจนกลายเป็นกาวแล้วจะขายในราคา 36,000 บาทต่อกรัม
หนังสือราคา 200,000- 500,000-แสนบาท อวัยะเพศตัวผู้ 200,000-300,000-บาท เล็บ 1 เล็บ ราคา 1,000 บาท ซึ่งหากรวมกันแล้วเสือ 1 ตัวจะมีมูลค่าสูงมากกว่า 3,000,000- ล้านบาท จึงไม่แปลกที่แม้จะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่เสือยังเป็นสัตว์ที่เป็นเป้าหมายแห่งการล่า