วันนี้ (23 มี.ค.2560) นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ออกคำสั่ง ม.44 แก้ปัญหาความปลอดภัยรถโดยสารและคุมเข้มวินัยจราจร โดยเฉพาะในส่วนของการออกใบสั่งรถยนต์ทั่วไปที่ถูกออกใบสั่งตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.นี้ จะเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตำรวจกับกรมการขนส่งทางบก โดยจะใช้พื้นที่ของขนส่งเปิดโต๊ะรับชำระค่าปรับแทนตำรวจ เมื่อชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วจะสามารถต่อภาษีได้ทันที
นายสนิท บอกว่า แต่หากผู้ต่อภาษีไม่สะดวกชำระค่าปรับ กรมการขนส่งทางบกจะออกป้ายต่อภาษีให้ชั่วคราว มีลักษณะเป็นใบเสร็จพร้อมแสตมป์ข้อความระบุว่าใช้เป็นป้ายต่อทะเบียนภาษีชั่วคราว และหากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกตรวจสอบรถ สามารถแสดงป้ายดังกล่าวได้ทันที
สำหรับป้ายต่อภาษีชั่วคราวจะมีอายุ 30 วัน ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวผู้ต่อภาษีจะต้องชำระค่าปรับให้ครบถ้วน หากไม่ยอมดำเนินการจนพ้น 30 วันแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินคดีฟ้องร้อง ซึ่งกรมการขนส่งทางบกและตำรวจจะประชุมหารือเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกันโดยเร็วต่อไป
ส่วนการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย อธิบดีกรมขนส่งทางบกกล่าวว่า จะต้องติดตั้งในรถโดยสารและรถยนต์ส่วนบุคคลทุกคัน ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะมีผลครอบคลุมถึงรถกระบะต่อหลังคาหรือแค็บด้านหลังหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าประกาศดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะรถที่มีกำหนดโครงสร้างว่ามีจำนวนที่นั่งเท่าใด หากรถคันใดมีการต่อเติมที่นั่งเพิ่มเติมหรือเป็นพื้นที่ในรถที่ไม่ได้ถูกระบุเพื่อการใช้สำหรับโดยสาร (ใช้วางสิ่งของ) จะไม่เข้าข่ายตามประกาศดังกล่าว รวมถึงรถ 2 แถวที่ตามโครงสร้างไม่สามารถติดเข็มขัดนิรภัยได้ จึงจะใช้มาตรการควบคุมดูแลความปลอดภัยอื่น
ทั้งนี้คำสั่ง คสช. เป็นความพยายามหนึ่งของรัฐบาลที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้ประสบความสำเร็จ หลังพบว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากถึงกว่า 20,000 คนต่อปี ขณะที่ช่วงเทศกาลจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นโดยสงกรานต์ปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 และเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25