“ตรวจพบสารไซยาไนด์ ในขวดน้ำสมุนไพรใบเตย ที่แช่ไว้ในตู้เย็นห้องครูอ๊อด”
แม้ “ครูอ๊อด” หรือ น.ส.ผุสดี จะเสียชีวิตไปนานเกือบ 6 เดือนแล้ว แต่วัตถุพยานซึ่งอยู่ในตู้เย็นห้องนอนของเธอ ประกอบด้วย กล่องยาที่อยู่ในตู้เย็น 2 ซอง ซองสำลีที่เช็ดตามบริเวณต่างๆ ในบ้าน ขวดน้ำดื่ม 3 ขวด น้ำกลั่น 1 ซอง และขวดน้ำย่านางใบเตย 1 ขวด
ครอบครัวครูอ๊อด ให้ข้อมูลว่า ก่อนวันที่จะเสียชีวิต “ครูอ๊อด” กลับจากไปทำธุระกับ “แอม” และยังรับประทานอาหารค่ำตามปกติ แต่ในช่วงเช้าพบว่าเสียชีวิต สภาพศพมีอาการน้ำลายฟูมปาก และไม่ได้คิดว่าเป็นการกระทำของ “แอม” เนื่องจากคิดว่า “ครูอ๊อด” กินยาตายเพื่อหนีโรคประจำตัว
แต่ภายหลังการเสียชีวิตของ “ครูอ๊อด” พบพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะการทวงเงินที่ “แอม” อ้างว่า “ครูอ๊อด” ยังติดค้างจำนวนมาก แต่ญาติไม่ได้ให้ไป และยังไม่ได้เก็บของทิ้งออกจากตู้เย็น ทั้งสิ่งของอื่นๆ และขวดน้ำสมุนไพรที่ “ครูอ๊อด” เคยบอกญาติว่าได้มาจาก “แอม” ซึ่งยังเก็บไว้ในตู้เย็นมาตลอดครึ่งปี
ทั้งหมดคือ วัตถุหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ตำรวจส่งให้นายวีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำไปตรวจพิสูจน์และพบสารไซยาไนด์
และนำมาสู่การออกหมายจับ น.ส.สรารัตน์ หรือ “แอม” เพิ่มเติม ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจได้แจ้งข้อหาดังกล่าวไปแล้ว 11 คดี
ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานและหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อหาในคดีเดียวกันกับผู้เสียชีวิตรายอื่น ซึ่งญาติได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการประชุมคดีกับทีมงานชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้องกับ “แอม” ผู้ต้องหาคดีฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ว่า ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 10 คดี เหลืออีก 4 คดีอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
จากพฤติกรรมของ “แอม” รู้ว่าต้องใช้สารเคมีอะไร รู้ว่าต้องมีการสร้างพยานหลักฐานยืนยันที่อยู่ เรื่องแบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนให้คำแนะนำ และทั้ง 10 คดี พยานหลักฐานพบว่า “แอม” ผู้ต้องหาเป็นคนลงมือก่อเหตุ
สำหรับพฤติกรรมการก่อเหตุนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า มีลักษณะคล้ายกัน แต่คนละวิธีทั้งให้กินเป็นแคปซูล อ้างเป็นยาสมุนไพรใช้รักษาโรคป้องกันโควิด รวมถึงใส่ในอาหารและใส่ในเครื่องดื่ม ซึ่งตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานที่ส่งให้ศาล ทั้งผลการผ่าชันสูตรศพและพยานแวดล้อม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกอีกว่า ยังพบแหล่งที่มาของไซยาไนด์แล้วว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาล พร้อมประสานอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจสอบเรื่องการนำเข้าของสารพิษดังกล่าวแล้ว
บริษัทที่นำเข้าจะต้องระบุวัตถุประสงค์การนำเข้า และมีวิธีควบคุมไม่ให้สารพิษนี้หลุดออกไป และไม่ให้นำไปใช้นอกวัตถุประสงค์ หากพบการกระทำผิดก็จะดำเนินคดีผู้นำเข้าด้วย มีรายงานว่าเป็นโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ลาดกระบัง
พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย คณะทำงานชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบโกดังช่วงบ่ายวันนี้ (2 พ.ค) เบื้องต้นไม่พบสารไซยาไนด์ แต่เจ้าของยอมรับว่าจำหน่ายไซยาไนด์จริง โดยเปิดให้คนทั่วไปสั่งเข้ามาก่อน จากนั้นถึงจะสั่งตามออเดอร์จากบริษัทนำเข้ามาอีกทีหนึ่ง เมื่อได้สินค้ามาแล้วก็จะส่งต่อให้ผู้ซื้อทันที และไม่มีการสต็อกสินค้าไว้ในโกดัง
สำหรับคนที่สั่งไซยาไนด์ล็อตนี้ มีรายชื่อครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะตรวจสอบรายชื่อผู้สั่งซื้อไซยาไนด์จากบริษัทนี้ทุกราย เพื่อหาความเชื่อมโยงกับคดี “แอม” ส่วน “แอม” จะสั่งซื้อจากบริษัทนี้โดยตรงด้วยหรือไม่ขอตรวจสอบอีกครั้ง
ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจากชุดพนักงานสอบสวน ระบุว่า ผู้เสียชีวิตที่เกิดจากการถูกวางยาไซยาไนด์ อาจสูงถึง 20 ศพ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ใครที่โอนเงินให้ “แอม” จะเสียชีวิตเกือบทั้งหมด
ประเด็นสำคัญพบว่า ยังมีรายใหม่อีก 5-7 รายที่เคยโอนเงินให้ “แอม” แล้วเสียชีวิต แต่ยังไม่เป็นข่าว ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนว่ารายใหม่เพิ่งตรวจพบนั้น จะเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด และมีแอมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แนวทางการสืบสวนพบว่า หลังจาก “แอม” วางยาบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว มักจะทำลายหลักฐานเพื่ออำพรางคดีทันที เช่น รายของ “ก้อย” มีการนำโทรศัพท์มือถือไปด้วยเพื่อทำลาย หรือลบหลักฐานการแชตสนทนา หรือหลักฐานต่างๆ ทิ้ง
ทั้งนี้ จากพยานวัตถุและหลักฐานต่างๆ รวมไปถึงพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องพฤติกรรมของ “แอม” เกือบทั้งหมดที่เป็นแรงจูงในการฆาตกรรมเพื่อต้องการลบล้างหนี้สิน ทั้งที่เกิดจากการฉ้อโกงและหยิบยืม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
12 หมายจับ! "แอม" คดีไซยาไนด์ ศาลอุดรธานี อนุมัติคดี "ฆ่าแด้"
จ่อออกหมายจับคนสนิทเอี่ยว "แอม" ส่อโยงคดีวางยาไซยาไนด์
พบแหล่งที่มา "ไซยาไนด์" เตรียมขอหมายค้น จ่อออกหมายจับ "ตร." เอี่ยวคดี "แอม"