วันนี้ (18 มี.ค.2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 11 ประจำปี 2568 วันที่ 18 มี.ค.2568 นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 12 ในวันที่ 25 มี.ค.2568 นั้น เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า การประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้าจะเลื่อนออกไปเป็นวันพฤหัสบดีที่ 27 มี.ค.2568
โดยนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านได้เตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 24-26 มี.ค.2568 นี้ โดยให้เตรียมข้อมูลให้พร้อมในทุกมิติของส่วนราชการ ที่อาจจะมีการอภิปรายไปถึงทุกกระทรวง เพื่อชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการเรื่องการจัดการบุหรี่ไฟฟ้า ตามนโยบายของรัฐบาลว่า มาตรการจัดการปัญหาและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าของรัฐบาลนั้น ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รับผิดชอบในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นปัญหาที่กระทบต่อสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กและเยาวชน
โดยได้เน้นย้ำให้จับกุมและลงโทษผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ขาย และหน่วยงานราชการที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างเด็ดขาด ตลอดจนขอให้กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่นักเรียน เพื่อให้ทราบถึงผลเสียของการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอาจจะขยายไปสู่การใช้สารเสพติดประเภทอื่นได้
โดยพบว่าตลอดระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ หลังจากที่รัฐบาลได้สั่งการเรื่องปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ตัวเลขสถิติการปราบปรามอย่างเห็นผล เป็นที่น่าพอใจ มีการดำเนินคดีในช่วงเวลา 15 วัน ถึง 1,078 คดี ผู้ต้องหา 1,104 คน จำนวนของกลาง 900,444 ชิ้น มูลค่าของกลาง กว่า 120 ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะไปตรวจและเป็นประธานในการทำลายของกลางภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทางกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินการร่วมกันในทุกมิติเพื่อแก้ไขปัญหา โดย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รายงานว่า
กระทรวงฯ ได้ออกมาตรการ และกำชับให้ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ตระหนักว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากตรวจพบว่า บุคลากรทางการศึกษาคนใด ปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นเป็นใจ หรือยังนำบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้จะถูกดำเนินการทางกฎหมายและทางวินัย
อ่านข่าว :
"เท้ง" แก้ญัตติซักฟอก เปลี่ยนชื่อทักษิณเป็น "บุคคลในครอบครัว"