วันนี้ (18 ธ.ค.2567) แพทยสภาเริ่มกระบวนการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ ในกรณีรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกส่งตัวจากทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ มารักษายัง รพ.ตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2566 จนถึงวันที่ได้รับการพักโทษในวันที่ 18 ก.พ.2567 ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเกี่ยวกับความโปร่งใสในการวินิจฉัยและดูแลรักษา เนื่องจากระยะเวลาการรักษายาวนานผิดปกติ จนประชาชนตั้งคำถามว่าการดำเนินการนี้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ป่วยเกินความจำเป็นหรือไม่
คณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติว่าคำร้องดังกล่าวมีมูล จึงส่งต่อให้คณะอนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจดำเนินการพิจารณา โดยได้ขอข้อมูลและคำชี้แจงจากบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเอกสารการรักษา รายละเอียดกระบวนการตรวจวินิจฉัย และความเห็นจากแพทย์ผู้รับผิดชอบทุกคน รวมถึงการพิจารณาการปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในประเด็นด้านจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพ
อ่านข่าว : มวลชนกดดัน ป.ป.ช.เร่งไต่สวน 12 ขรก.เอื้อ "ทักษิณ" นอนชั้น 14
เรื่อง ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาจริยธรรรม
เรียน นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
(รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330)
ตามที่สำนักงานเลขาธิการแพทยภา ได้รับคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามคำร้องที่ 235,256/2566 และ 23/2567 เกี่ยวกับกรณีเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาในทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ต่อมาวันที่ 23 ส.ค.2566 ถูกส่งต่อการรักษาไปยัง รพ.ตำรวจ และจนกระทั่งผู้ป่วยได้เดินทาง ออกจาก รพ.ตำรวจ กลับมายังบ้านพัก เนื่องจากได้รับการพักโทษตามประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ โดยผู้ป่วยได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2567 ซึ่งตั้งแต่ที่ผู้ป่วยได้รับโทษจนถึงวันที่ได้รับการพักโทษ ผู้ป่วยถูกควบคุมตัวและรักษาตัวอยู่ภายใน รพ.ตำรวจ มาโดยตลอด กลายเป็นข้อสังเกต ของประชาชนถึงการทำหน้าที่ของแพทย์ รพ.ตำรวจ ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ป่วยทั้งที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ แพทย์ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ออกใบวินิจฉัยโรคและรับรองให้ผู้ป่วยไปพักรักษา ที่ รพ.ตำรวจ เป็นความเท็จหรือไม่
คณะกรรมการแพทยสภาในการประชุม ครั้งที่ 10/2567 วันที่ 10 ต.ค.2567 พิจารณาแล้วมีมติ คำร้องมีมูล ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ดำเนินการพิจารณาจริยธรรม
คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ พิจารณาแล้ว ขอเรียนให้ทราบว่า
1. ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 32 วรรคสอง บัญญัติว่า "บุคคลอื่นมีสิทธิกล่าวโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมว่าประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม โดยทำเรื่อง ยื่นต่อแพทยสภาได้" ซึ่งในเรื่องนี้ผู้ร้องถือว่าเป็นบุคคลอื่นตามความในมาตรานี้ และผู้ร้องได้ดำเนินการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว แพทยสภาจึงมีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้ได้
2. ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 คณะกรรมการสอบสวนฯ อาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา 37 ซึ่งกำหนดให้อนุกรรมการสอบสวนเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และให้มีอำนาจเรียกบุคคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำ และมีหนังสือแจ้งให้บุคคลใด ๆ ส่งเอกสารหรือวัตถุเพื่อประโยชน์ แก่การสืบสวนสอบสวน
3. แพทยสภาได้มีหนังสือขอหารือเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังสำนักงานข้อมูลข่าวของราชการ ได้รับการความเห็นว่า "เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่แพทยสภา โดยคณะอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยในทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ และส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อใช้ในการพิจารณาสืบสวนสอบสวนจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ถือเป็นการขอข้อมูล ข่าวสารส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนและสอบสวน ประกอบกับอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพ เวชกรรมและอนุกรรมการสอบสวนเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ ตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง (6) และ (8) แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ การพิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม..."
อ่านข่าว : มติ ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน 12 จนท.รัฐเอื้อ "ทักษิณ" นอน รพ.ตำรวจ
ดังนั้นคณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดำเนินการพิจารณาจริยธรรมในคำร้องนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 37 ขอให้ท่านชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมทั้งส่งเอกสาร พยานหลักฐานหรือวัตถุพยานเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาจริยธรรม ดังนี้
1. คำชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการเข้ารับการรักษาพยาบาลในผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดโดยละเอียด
2. ขอทราบ ชื่อ-สกุล แพทย์ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้การดูแลรักษาผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร โดยให้แจ้ง ชื่อ-นามสกุล และ เลขใบประกอบวิชาชีพ
3. คำชี้แจงจาก บุคคลในข้อ 2. เกี่ยวกับกระบวนการตรวจ การวินิจฉัย การดูแลรักษาในผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร โดยละเอียด
4. กรณีนี้เนื่องจากผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำ นานเกินกว่า 30 วัน ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ซึ่งมีการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ มีทำหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ ดังนั้น จึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
5. กรณีนี้เนื่องจากผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำนานเกินกว่า 60 วัน ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอก เรือนจำ พ.ศ.2563 ซึ่งมีการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ มีทำหน้าหนังสือขอความเห็นชอบ จากอธิบดีพร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ ดังนั้น จึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
6. กรณีนี้เนื่องจากผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอก เรือนจำนานเกินกว่า 120 วัน ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ซึ่งมีการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ มีทำหนังสือขอขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ ดังนั้นจึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
7. สำเนาใบส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาต่อ สำเนาเวชระเบียน สำเนาบันทึกการผ่าตัด สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก สำเนาบันทึกการพยาบาล สำเนารายงานทางการแพทย์ และ เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายทางรังสีวินิจฉัย ผลการตรวจทางรังสี และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษา ผู้ป่วยราย นายทักษิณ ชินวัตร โดยให้ระบุหมายเลขหน้าเอกสารดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ลงนามรับรองสำเนาเอกสารทุกหน้าด้วย ทั้งนี้ ขอตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.2566 ที่ผู้ป่วยถูกส่งต่อการรักษาไปรักษาใน รพ.ตำรวจ จนกระทั่งผู้ป่วยถูกจำหน่ายออกจาก รพ.ตำรวจ ซึ่งถือว่าเกี่ยวข้องกับการพิจารณาจริยธรรมในครั้งนี้
8. ข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการพิจารณา
โดยขอให้ท่านทำคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานที่สนับสนุนคำชี้แจงนั้น เป็นลายลักษณ์อักษรตามประเด็นดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณา กรุณาจัดทำคำชี้แจงเป็นตัวพิมพ์ภาษาไทย เว้นแต่เป็นคำศัพท์เทคนิคเฉพาะ โดยส่งคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานดังกล่าวไปยังคณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ณ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา อาคารมหิตลาธิเบศร ชั้น 12 ชอยสาธารณสุข 4 กระทรวงสาธารณสุข ถ.ติวานท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 ภายในวันที่ 15 ม.ค.2568
อ่านข่าว : "ทวี" ลั่นพิสูจน์ความจริง 12 จนท.ปมป.ป.ช.ไต่สวนเอื้อทักษิณชั้น 14