เรื่องราวของแรงงานไทยที่มีความสามารถโดดเด่นในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานช่าง ซึ่งเป็นอาชีพที่คนไทยทำได้ดีมากจนชาวญี่ปุ่นยกนิ้วให้ เพราะสามารถทำงานได้ครบวงจรในคนเดียว ในแบบที่ช่างญี่ปุ่นเองทำไม่ได้ ฟูจิเซ็นเซ ได้พาไปรู้จักกับ "ช่างกิ" หรือคุณซึกายะ ชายไทยวัยกลางคนที่มีความสามารถในงานช่างแบบครบเครื่อง เขาเป็นทั้งช่างไม้ ช่างไฟฟ้า ช่างต่อท่อน้ำ และยังติดตั้งวอลเปเปอร์ได้อย่างประณีต เรียกได้ว่าสามารถทำงานเกือบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและตกแต่งภายในได้ด้วยคนเดียว
ฟูจิเซ็นเซ ได้พาไปชมผลงานล่าสุดของช่างกิที่ร้านนวดของคุณไอคาและสามีชาวญี่ปุ่น เจ้าของร้านเล่าว่าตอนแรกได้ปรึกษากับช่างญี่ปุ่นเกี่ยวกับการออกแบบร้าน โดยเฉพาะมุมโค้งและอ่างล้างเท้าที่ต้องการ แต่ช่างญี่ปุ่นบอกว่าทำได้แต่ราคาสูงมาก และไม่มั่นใจว่าจะได้ตามที่ต้องการกับงบประมาณที่มีอยู่ ต่างจากช่างกิที่รับฟังความต้องการของลูกค้าได้ทันที เข้าใจแนวคิดการออกแบบให้ร้านมีลายเส้นคล้ายเส้นเลือดที่ไหลเวียน ซึ่งสื่อถึงการนวดที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี เขาสามารถสร้างสรรค์ร้านได้ตามที่ลูกค้าต้องการภายในงบประมาณที่มีอยู่ โดยจุดเด่นของร้านคือมุมโค้งและอ่างล้างเท้าที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีในร้านนวดทั่วไปในญี่ปุ่น ช่างกิทำงานที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนหลายอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมด เช่น การดัดไม้ให้เป็นรูปโค้งสำหรับเตียงนวด ซึ่งต้องใช้ความพยายามหลายครั้งจนกว่าจะสำเร็จ เขาต้องตัดไม้เป็นชิ้นเล็ก ๆ กว่า 9 ชิ้น แล้วนำมาต่อกันให้เป็นรูปโค้ง ต้องคำนวณองศาการตัดให้พอดี หากผิดพลาดเพียง 1 มิลลิเมตร องศาก็จะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ ยังต้องเซาะไม้ด้านหลังเพื่อใส่ไฟให้ดูสวยงาม
อีกผลงานที่น่าทึ่งคือการออกแบบอ่างล้างเท้า ช่างกิได้ดัดแปลงอ่างที่ลูกค้าซื้อมาให้ใช้งานได้สะดวก โดยออกแบบให้ก๊อกน้ำหมุนได้เพื่อให้ใช้กับอ่างทั้งสองข้างได้ด้วยก๊อกเดียว และยังคำนึงถึงการซ่อมบำรุงในอนาคต ทำให้สามารถยกอ่างขึ้นมาซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาท่อตันได้โดยง่าย ที่น่าสนใจคือช่างกิทำงานเองแทบทั้งหมด ไม่มีลูกน้อง ยกเว้นลูกชายตัวน้อยที่มาช่วยหยิบจับและเรียนรู้งานจากคุณพ่อบ้าง ช่างกิอธิบายว่าเขาไม่อยากจ้างลูกน้องเพราะหากเกิดปัญหาขึ้น เขาต้องรับผิดชอบผลงานที่ไม่ได้ทำด้วยตัวเอง และหากลูกน้องออกไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถซ่อมแซมงานได้หากไม่ได้เป็นคนทำเอง
ช่างกิเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ย้ายจากเมืองไทยตามคุณแม่และคุณพ่อชาวญี่ปุ่นมาอยู่ที่ญี่ปุ่นตอนเป็นวัยรุ่น เขาได้เรียนในสายอาชีพเกี่ยวกับเครื่องกลึงและไฟฟ้าบ้าน และได้เรียนรู้งานช่างเพิ่มเติมจากการตามพี่ชายไปทำงานติดตั้งแอร์ รวมถึงจากช่างอื่น ๆ ที่ได้ร่วมงานด้วย จนในที่สุดเขาก็เปิดบริษัทของตัวเองเมื่อ 5 ปีก่อน ที่สำคัญ ช่างกิมีใบอนุญาตการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมายญี่ปุ่น ซึ่งยากมากที่จะได้มา โดยเฉพาะใบอนุญาตเกี่ยวกับงานไฟฟ้าที่เขาต้องสอบถึง 8 ครั้ง ใช้เวลากว่า 4 ปีจึงสำเร็จ ในญี่ปุ่น การทำงานช่างต้องมีใบอนุญาตเฉพาะทาง และโดยปกติแล้วจะแยกชัดเจนระหว่างช่างไฟ ช่างน้ำ และช่างไม้ แต่ช่างกิสามารถทำได้ทุกอย่าง จึงเป็นที่ต้องการของลูกค้าชาวญี่ปุ่นและชาวไทยในญี่ปุ่น
ในช่วงโควิด ธุรกิจของช่างกิประสบปัญหาหนัก แต่เขาได้โพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กคนไทยในญี่ปุ่น และมีคนติดต่อให้ไปทำงานที่โตเกียว จากนั้นธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน นอกจากช่างกิแล้ว รายการยังได้สัมภาษณ์แรงงานไทยที่ทำงานกับบริษัทก่อสร้างญี่ปุ่น ซึ่งเล่าว่าเคยทำงานหลากหลาย ทั้งเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร พนักงานร้านคาราโอเกะ และงานรับจ้างทั่วไป ก่อนจะมาทำงานก่อสร้าง และได้รับการอบรมและสอบใบอนุญาตในการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ใบขับรถแม็คโคร ใบอนุญาตการตั้งนั่งร้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย
หนึ่งในปัญหาของญี่ปุ่นคือคนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำงานที่ต้องใช้แรงงาน แรงงานต่างชาติจึงเป็นที่ต้องการ ซึ่งแรงงานไทยก็เป็นที่ยอมรับว่ามีฝีมือดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานที่ญี่ปุ่นคือภาษา แรงงานไทยแนะนำให้ผู้ที่สนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้ก่อนเพื่อการสื่อสารที่ไม่ติดขัด ความสามารถของช่างไทยในญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแรงงานไทยที่สามารถปรับตัวและพัฒนาฝีมือจนเป็นที่ยอมรับในต่างแดน แต่อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ช่างไทยมีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้? เป็นเพราะพรสวรรค์ การศึกษา หรือการฝึกฝนอย่างหนัก? และโอกาสเช่นนี้จะมีอยู่อีกมากน้อยเพียงใดสำหรับแรงงานไทยในอนาคต?
ติดตามเรื่องราวการทำงานของแรงงานไทยในญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับความสำเร็จและแรงบันดาลใจในการทำงานที่ต่างประเทศ เพราะนี่คือตัวอย่างของคนไทยที่ไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและเป็นแบบอย่างของความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ
ติดตามชมได้ในรายการ ดูให้รู้ วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live และติดตามความเคลื่อนไหวของรายการได้ที่ www.facebook.com/Dohiru
เรื่องราวของแรงงานไทยที่มีความสามารถโดดเด่นในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานช่าง ซึ่งเป็นอาชีพที่คนไทยทำได้ดีมากจนชาวญี่ปุ่นยกนิ้วให้ เพราะสามารถทำงานได้ครบวงจรในคนเดียว ในแบบที่ช่างญี่ปุ่นเองทำไม่ได้ ฟูจิเซ็นเซ ได้พาไปรู้จักกับ "ช่างกิ" หรือคุณซึกายะ ชายไทยวัยกลางคนที่มีความสามารถในงานช่างแบบครบเครื่อง เขาเป็นทั้งช่างไม้ ช่างไฟฟ้า ช่างต่อท่อน้ำ และยังติดตั้งวอลเปเปอร์ได้อย่างประณีต เรียกได้ว่าสามารถทำงานเกือบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและตกแต่งภายในได้ด้วยคนเดียว
ฟูจิเซ็นเซ ได้พาไปชมผลงานล่าสุดของช่างกิที่ร้านนวดของคุณไอคาและสามีชาวญี่ปุ่น เจ้าของร้านเล่าว่าตอนแรกได้ปรึกษากับช่างญี่ปุ่นเกี่ยวกับการออกแบบร้าน โดยเฉพาะมุมโค้งและอ่างล้างเท้าที่ต้องการ แต่ช่างญี่ปุ่นบอกว่าทำได้แต่ราคาสูงมาก และไม่มั่นใจว่าจะได้ตามที่ต้องการกับงบประมาณที่มีอยู่ ต่างจากช่างกิที่รับฟังความต้องการของลูกค้าได้ทันที เข้าใจแนวคิดการออกแบบให้ร้านมีลายเส้นคล้ายเส้นเลือดที่ไหลเวียน ซึ่งสื่อถึงการนวดที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี เขาสามารถสร้างสรรค์ร้านได้ตามที่ลูกค้าต้องการภายในงบประมาณที่มีอยู่ โดยจุดเด่นของร้านคือมุมโค้งและอ่างล้างเท้าที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีในร้านนวดทั่วไปในญี่ปุ่น ช่างกิทำงานที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนหลายอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมด เช่น การดัดไม้ให้เป็นรูปโค้งสำหรับเตียงนวด ซึ่งต้องใช้ความพยายามหลายครั้งจนกว่าจะสำเร็จ เขาต้องตัดไม้เป็นชิ้นเล็ก ๆ กว่า 9 ชิ้น แล้วนำมาต่อกันให้เป็นรูปโค้ง ต้องคำนวณองศาการตัดให้พอดี หากผิดพลาดเพียง 1 มิลลิเมตร องศาก็จะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ ยังต้องเซาะไม้ด้านหลังเพื่อใส่ไฟให้ดูสวยงาม
อีกผลงานที่น่าทึ่งคือการออกแบบอ่างล้างเท้า ช่างกิได้ดัดแปลงอ่างที่ลูกค้าซื้อมาให้ใช้งานได้สะดวก โดยออกแบบให้ก๊อกน้ำหมุนได้เพื่อให้ใช้กับอ่างทั้งสองข้างได้ด้วยก๊อกเดียว และยังคำนึงถึงการซ่อมบำรุงในอนาคต ทำให้สามารถยกอ่างขึ้นมาซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาท่อตันได้โดยง่าย ที่น่าสนใจคือช่างกิทำงานเองแทบทั้งหมด ไม่มีลูกน้อง ยกเว้นลูกชายตัวน้อยที่มาช่วยหยิบจับและเรียนรู้งานจากคุณพ่อบ้าง ช่างกิอธิบายว่าเขาไม่อยากจ้างลูกน้องเพราะหากเกิดปัญหาขึ้น เขาต้องรับผิดชอบผลงานที่ไม่ได้ทำด้วยตัวเอง และหากลูกน้องออกไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถซ่อมแซมงานได้หากไม่ได้เป็นคนทำเอง
ช่างกิเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ย้ายจากเมืองไทยตามคุณแม่และคุณพ่อชาวญี่ปุ่นมาอยู่ที่ญี่ปุ่นตอนเป็นวัยรุ่น เขาได้เรียนในสายอาชีพเกี่ยวกับเครื่องกลึงและไฟฟ้าบ้าน และได้เรียนรู้งานช่างเพิ่มเติมจากการตามพี่ชายไปทำงานติดตั้งแอร์ รวมถึงจากช่างอื่น ๆ ที่ได้ร่วมงานด้วย จนในที่สุดเขาก็เปิดบริษัทของตัวเองเมื่อ 5 ปีก่อน ที่สำคัญ ช่างกิมีใบอนุญาตการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมายญี่ปุ่น ซึ่งยากมากที่จะได้มา โดยเฉพาะใบอนุญาตเกี่ยวกับงานไฟฟ้าที่เขาต้องสอบถึง 8 ครั้ง ใช้เวลากว่า 4 ปีจึงสำเร็จ ในญี่ปุ่น การทำงานช่างต้องมีใบอนุญาตเฉพาะทาง และโดยปกติแล้วจะแยกชัดเจนระหว่างช่างไฟ ช่างน้ำ และช่างไม้ แต่ช่างกิสามารถทำได้ทุกอย่าง จึงเป็นที่ต้องการของลูกค้าชาวญี่ปุ่นและชาวไทยในญี่ปุ่น
ในช่วงโควิด ธุรกิจของช่างกิประสบปัญหาหนัก แต่เขาได้โพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กคนไทยในญี่ปุ่น และมีคนติดต่อให้ไปทำงานที่โตเกียว จากนั้นธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน นอกจากช่างกิแล้ว รายการยังได้สัมภาษณ์แรงงานไทยที่ทำงานกับบริษัทก่อสร้างญี่ปุ่น ซึ่งเล่าว่าเคยทำงานหลากหลาย ทั้งเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร พนักงานร้านคาราโอเกะ และงานรับจ้างทั่วไป ก่อนจะมาทำงานก่อสร้าง และได้รับการอบรมและสอบใบอนุญาตในการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ใบขับรถแม็คโคร ใบอนุญาตการตั้งนั่งร้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย
หนึ่งในปัญหาของญี่ปุ่นคือคนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำงานที่ต้องใช้แรงงาน แรงงานต่างชาติจึงเป็นที่ต้องการ ซึ่งแรงงานไทยก็เป็นที่ยอมรับว่ามีฝีมือดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานที่ญี่ปุ่นคือภาษา แรงงานไทยแนะนำให้ผู้ที่สนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้ก่อนเพื่อการสื่อสารที่ไม่ติดขัด ความสามารถของช่างไทยในญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแรงงานไทยที่สามารถปรับตัวและพัฒนาฝีมือจนเป็นที่ยอมรับในต่างแดน แต่อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ช่างไทยมีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้? เป็นเพราะพรสวรรค์ การศึกษา หรือการฝึกฝนอย่างหนัก? และโอกาสเช่นนี้จะมีอยู่อีกมากน้อยเพียงใดสำหรับแรงงานไทยในอนาคต?
ติดตามเรื่องราวการทำงานของแรงงานไทยในญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับความสำเร็จและแรงบันดาลใจในการทำงานที่ต่างประเทศ เพราะนี่คือตัวอย่างของคนไทยที่ไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและเป็นแบบอย่างของความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ
ติดตามชมได้ในรายการ ดูให้รู้ วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live และติดตามความเคลื่อนไหวของรายการได้ที่ www.facebook.com/Dohiru