“หน้าร้อน” อากาศร้อนจัด ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายด้าน เช่น การขาดน้ำ อาการฮีตสโตรก (Heatstroke) รวมถึงอาหารเป็นพิษ-ท้องร่วง ที่จะเกิดได้บ่อยในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ไวขึ้น และทำให้อาหารบูดเสียได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง ซึ่ง 6 กลุ่มอาหารที่ควรระวัง เสี่ยงอาหารเป็นพิษ-ท้องร่วง จะมีอะไรบ้าง Thai PBS Sci & Tech ลิสต์มาให้แล้ว
6 กลุ่มอาหารควรระวัง เสี่ยงอาหารเป็นพิษ-ท้องร่วง
ส้มตำ ยำ ขนมจีน
กลุ่มอาหารเหล่านี้เป็นกลุ่มอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนอย่างทั่วถึง จึงทำให้ปนเปื้อนจุลินทรีย์ได้ง่าย ส้มตำ และยำต่าง ๆ บางร้านอาจใช้น้ำปลาร้าไม่ได้มาตรฐาน ถั่วลิสงอาจขึ้นรา กุ้งแห้งใส่สี และมีรสชาติที่เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ซึ่งระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ส่วนเส้นขนมจีนทำมาจากแป้ง รวมถึงน้ำยากะทิ ซึ่งบูดง่าย และมีผักเครื่องเคียงที่รับประทานสด ๆ อาจจะล้างไม่สะอาด จะทำให้ผู้รับประทานเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้
อาหารทะเล
อุณหภูมิที่สูงในช่วงหน้าร้อนจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหารทะเลเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษ ควรเลือกวัตถุดิบอาหารทะเลที่สด ไม่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติ และเลือกรับประทานเมนูที่ผ่านความร้อนปรุงสุกทุกครั้ง
ผักสด
ผักที่มาจากแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน มีโอกาสพบสารปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และอาจเสี่ยงมีเชื้อเอนเทอโรเอกกริเกทีฟ อีโคไล (Enteroaggregative E. coli) ที่มากับมูลของสัตว์ ซึ่งบางร้านล้างผักไม่สะอาด ทำให้ผู้รับประทานเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เช่น สลัดผัก ผักแกล้ม ผักแนม ผักจิ้ม
อาหารที่มีกะทิ
อาหารที่มีกะทิเมื่อตั้งทิ้งไว้นานช่วงหน้าร้อนจะทำให้บูด เสียได้ง่าย เช่น แกงกะทิ ขนมหวานที่ใส่กะทิ หรือราดน้ำกะทิ
น้ำดื่ม น้ำแข็ง
น้ำดื่ม น้ำแข็ง ที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค มีผงหรือเศษฝุ่นติดอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ
อาหารหมักดอง
ไม่ว่าจะผลไม้ กะปิ แหนม ปลาร้า หากไม่สะอาด เมื่อรับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง อาเจียน นอกจากนี้ถ้ามีเชื้อไวรัสก็อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ โดยเฉพาะในแหนม นอกจากจะมีโอกาสได้รับพยาธิตัวตืดแล้ว ยังอาจได้รับสารพิษที่มีชื่อว่า ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย
อาหารเป็นพิษ-ท้องร่วง มีอาการอย่างไร ?
อาหารเป็นพิษไม่ได้มีแค่อาการท้องเสียเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เวียนศีรษะ อาเจียน ปวดท้อง คอแห้ง กระหายน้ำ ปวดหัวและมีไข้ โดยอาการมักเกิดขึ้นทันทีหลังรับประทานอาหารหรือภายใน 4 - 30 ชั่วโมง หลังจากประทานทานอาหารมื้อนั้น โดยทั่วไปมีภาวะไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายใน 24 - 48 ชั่วโมง โดยการรักษาตามอาการเบื้องต้น เช่น
- ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
- งดกินอาหารรสจัด นม หรือผลไม้
- กินอาหารปรุงสุก สะอาด ย่อยง่าย
- ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ พักผ่อน และงดทำกิจกรรมหนัก ๆ
อาการอาหารเป็นพิษ-ท้องร่วง ที่ควรไปพบแพทย์
หากมีอาการท้องร่วงนานเกิน 3 วัน มีไข้สูงมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส มีอาการขาดน้ำ ถ่ายมีเลือดปนร่วมกับอาการปวดท้องเกร็ง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที โดยแพทย์จะทำการตรวจ เช่น ตรวจอุจจาระเพื่อหาเชื้อ, ตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุ, การส่องกล้องเพื่อตรวจลำไส้ใหญ่ เพื่อหาสาเหตุแล้วรักษาอย่างถูกต้อง
อาหารเป็นพิษ-ท้องร่วง กับการป้องกันโรค
อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการอาหาร-ประชาชนทั่วไป ขอให้ปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อนทั่วถึง และสะอาด ล้างผัก ผลไม้ให้สะอาดด้วยน้ำหลายๆ ครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้มีด เขียง หั่นอาหารดิบ-อาหารสุกร่วมกัน นอกจากนี้ควรหมั่นดูแลรักษาครัวให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” โดยรับประทานอาหารเฉพาะที่ปรุงสุกใหม่ ด้วยความร้อนและสะอาด
ขณะที่ “อาหารทะเล” ก็ขอให้ปรุงสุกเช่นกัน หลีกเลี่ยงการปรุงโดยวิธีลวกหรือพล่าสุก ๆ ดิบ ๆ ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หมู ไก่ และไข่ ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง นอกจากนี้ควรเพิ่มความระมัดระวังไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ปรุงเอง อาหารสั่งซื้อ อาหารถุง อาหารกล่อง ควรแยกกับข้าวออกจากข้าว และควรรับประทานภายใน 2- 4 ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ
“หน้าร้อน” ฤดูกาลที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งโลกเดือด อุณหภูมิจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้น เรายิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลตัวเอง-คนรอบข้าง เพื่อห่างไกลโรคและอาการเจ็บป่วยที่เราเองนั้นสามารถป้องกันได้
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : โรงพยาบาลนวเวช, โรงพยาบาลรามคำแหง, โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ, นพ.อำนวย กาจีนะ
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech