ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Secret Story | Entangled สายเอ็นแห่งความตาย


Lifestyle

29 พ.ย. 67

ธิดา ผลิตผลการพิมพ์

Logo Thai PBS
แชร์

Secret Story | Entangled สายเอ็นแห่งความตาย

https://www.thaipbs.or.th/now/content/1971

Secret Story | Entangled สายเอ็นแห่งความตาย
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

ฤดูร้อนปี ค.ศ. 2017 ท้องทะเลต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อฝูงวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือจำนวนมากว่ายไล่ตามแพลงก์ตอนที่อพยพหนีน้ำอุ่นจากถิ่นที่อยู่เดิมในอ่าวเมน เข้ามาสู่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พวกมันแทบไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน แน่นอนว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ทำให้เหล่าวาฬต้องตกอยู่ในความเสี่ยง และแล้วภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน วาฬอย่างน้อย 12 ตัวก็ต้องจบชีวิตลงจริง ๆ ในน่านน้ำแคนาดาจากการชนกับเรือและ “การติดสายเอ็น” ที่ชาวประมงใช้ดักจับล็อบสเตอร์

เหตุการณ์แสนเศร้านี้สร้างแรงผลักดันให้ เดวิด เอเบล นักข่าวสืบสวนรางวัลพูลิตเซอร์จากบอสตันโกลบ ตัดสินใจทำสารคดีเรื่อง Entangled ขึ้น เขาเล่าว่า "ทุกครั้งที่เห็นซากวาฬ ผมรู้สึกเหมือนกำลังเป็นประจักษ์พยานให้กับการสูญพันธุ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า มันไม่ใช่แค่เรื่องของสัตว์ตัวหนึ่ง แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความล้มเหลวในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ"

Entangled หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Entangled: The Race to Save Right Whales from Extinction (2020) เป็นหนังเรื่องที่ 3 แล้วในไตรภาคสารคดีที่เอเบลทำเพื่อบันทึกผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระบบนิเวศทางทะเล ต่อเนื่องจาก Sacred Cod: The Fight for a New England Tradition (2016) ที่เล่าถึงการล่มสลายของอุตสาหกรรมปลาค็อด และ Lobster War: The Fight Over the World's Richest Fishing Grounds (2018) ที่บันทึกความขัดแย้งระหว่างชาวประมงสองประเทศเมื่อฝูงล็อบสเตอร์อพยพหนีน้ำอุ่น เขาให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดเบื้องหลังหนังชุดนี้ไว้อย่างน่าใจว่า “ผมเห็นรูปแบบที่น่ากลัว เราสูญเสียปลาค็อดไปแล้วเพราะเราจับมันมากเกินไป ต่อมาล็อบสเตอร์ย้ายถิ่นเพราะน้ำอุ่นขึ้น และมาตอนนี้วาฬไรต์ก็กำลังจะสูญพันธุ์เนื่องจากเหตุผลสองข้อนั้นรวมกัน มันเหมือนโดมิโนที่ล้มทับกันไปเรื่อย ๆ ครับ”

ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปีในการรายงานข่าวด้านสิ่งแวดล้อม เอเบลรู้ดีว่าเรื่องราวนี้มีความซับซ้อนเกินกว่าที่ตาเห็น มีผู้เรียกรูปแบบของสารคดีเรื่องนี้ว่า “environmental melodrama” หรือสารคดีที่เล่าเรื่องเน้นความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง การแบ่งขั้วของตัวละคร และการตีความประเด็นสาธารณะในเชิงศีลธรรม โดยเอเบลเลือกนำเสนอความขัดแย้งผ่านตัวละครสำคัญสามกลุ่มได้แก่ นักอนุรักษ์ที่พยายามปกป้องวาฬใกล้สูญพันธุ์ ชาวประมงที่ต้องการปกป้องวิถีชีวิตดั้งเดิม (โดยเฉพาะการทำประมงล็อบสเตอร์ด้วยสายเอ็นอันเป็นวิธีคุ้นเคย) และหน่วยงานรัฐอย่าง National Marine Fisheries Service (NMFS) ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างสองฝ่าย ภายใต้ภารกิจที่ทั้งต้องอนุรักษ์สัตว์ทะเลและส่งเสริมอุตสาหกรรมประมงไปพร้อม ๆ กัน

เอเบลใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบเรียบง่ายด้วยกล้อง Sony A7 ขนาดเล็ก เพื่อให้ซับเจ็กต์ทั้งหมด (ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับการถูกกล้องตามถ่าย) รู้สึกผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ เขาใช้เวลาติดตามทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่ชันสูตรซากวาฬ การประท้วงของชาวประมง และการประชุมที่เผยให้เห็นความขัดแย้งอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ด่วนตัดสินว่าใครผิดใครถูก แต่ชี้ให้เห็นว่าทุกฝ่ายล้วนมีเหตุผลของตัวเอง และบางครั้งก็สลับบทบาทระหว่างผู้เสียหายและผู้กระทำ

จุดเปลี่ยนสำคัญของหนังอยู่ที่การประชุม Atlantic Large Whale Take Reduction Team ที่ทุกฝ่ายตกลงลดจำนวนสายเอ็นจับล็อบสเตอร์ลงครึ่งหนึ่งซึ่งจะช่วยลดอัตราการตายของวาฬได้ถึง 60% บรรยากาศในการประชุมคราวนั้นเต็มไปด้วยความหวังและการประนีประนอม แม้ไม่มีใครพอใจกับข้อตกลงทั้งหมด แต่ทุกคนก็เห็นว่านี่เป็นก้าวสำคัญที่สุดในรอบหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ความหวังก็พังทลายลงจนได้เมื่อรัฐเมนประกาศถอนตัวโดยอ้างว่ากระทบต่ออุตสาหกรรมประมงมากเกินไป

ใน Entangled เราจะได้เห็นข้อมูลสถานการณ์ของวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือในปัจจุบันซึ่งน่าวิตกเอามาก ๆ จากการศึกษาพบว่าทุกวันนี้โลกเหลือประชากรวาฬไรต์แค่ราว 300 ตัว ลดลงจากที่เคยมีถึง 20,000 ตัว และในจำนวนนี้มีเพียง 70 ตัวเท่านั้นที่เป็นเพศเมียวัยเจริญพันธุ์ และข้อมูลที่สร้างความตื่นตกใจสุด ๆ แก่วงการอนุรักษ์ก็คือ เมื่อปี 2018 ไม่มีลูกวาฬเกิดใหม่เลยแม้แต่ตัวเดียว! (ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา)

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายและแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมประมงอย่างเร่งด่วน วาฬไรต์แอตแลนติกเหนืออาจสูญพันธุ์ภายใน 20 ปี และจะกลายเป็นวาฬชนิดแรกที่สูญพันธุ์ในยุคหลังการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ นอกจากนั้นยังมีแบบจำลองทางประชากรศาสตร์ที่ชี้ว่า หากเราต้องการให้วาฬไรต์รอดพ้นจากการสูญพันธุ์ ก็จำเป็นต้องเพิ่มอัตราการเกิดขึ้นเป็นสามเท่า และต้องไม่มีวาฬตัวใดตายจากน้ำมือมนุษย์อีกเลย

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ที่ว่านี้ให้เลวร้ายลงไปอีก อ่าวเมนกำลังอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าแหล่งน้ำแห่งอื่น ๆ ส่งผลให้แพลงก์ตอนชนิดที่เป็นอาหารหลักของวาฬลดจำนวนลงถึงร้อยละ 90 ในบางพื้นที่ และบีบบังคับให้วาฬต้องอพยพออกไปหาอาหารในเขตน่านน้ำใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีมาตรการคุ้มครองพวกมัน จนอาจนำมาสู่บทลงเอยโหดร้ายดังที่เกิดขึ้นแล้วกับอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ประเทศแคนาดา ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของมนุษย์ในการจัดการทรัพยากรทางทะเล และการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

เอเบลสรุปว่า "ผมหวังว่าคนดูจะไม่มองว่า Entangled เป็นแค่เรื่องราวเฉพาะพื้นที่หรือเรื่องของวาฬตัวหนึ่ง แต่มันเป็นเรื่องที่สะท้อนปัญหาใหญ่ซึ่งเมืองชายฝั่งทั่วโลกกำลังเผชิญ ผมอยากให้สารคดีเรื่องนี้ทำให้ผู้ชมเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ภัยคุกคามที่ไกลตัวหรือเป็นนามธรรม แต่มันเป็นอันตรายที่ชัดเจนและกำลังเกิดขึ้นจริง ซึ่งเราต้องจัดการกับมันตอนนี้ เราไม่สามารถรอต่อไปได้อีกแล้ว”

▶ ติดตามสารคดี Entangled วาฬไรต์แห่งแอตแลนติกเหนือ วาฬไรต์กำลังถูกล่า แม้ว่าภายหลังจะมีกฎหมายห้ามล่าวาฬ แต่วาฬไรต์ก็ยังคงเป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ มีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องหลายปี สาเหตุมาจากการที่วาฬว่ายน้ำไปติดอวนสำหรับดักลอบสเตอร์ ทำให้เกิดบาดแผลเรื้อรัง

รับชมได้ทาง www.VIPA.me หรือ VIPA Application
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

วาฬสารคดี VIPAVIPAVIPAdotMeนักทำสารคดีสารคดีDocumentary ClubDocumentary
ธิดา ผลิตผลการพิมพ์
ผู้เขียน: ธิดา ผลิตผลการพิมพ์

ผู้ก่อตั้ง Documentary Club คลับของคนรักสารคดี และหนังนอกกระแส

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด