ร้อนแรงกลบข่าวใด ๆ สำหรับข่าวการปลด “เอริก เทน ฮาก” ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากทำผลงานคุมทีมปีศาจแดงไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ บอร์ดบริหารของสโมสร จึงมีประกาศแยกทางกับเฮดโค้ชชาวเนเธอร์แลนด์ในที่สุด
นี่ไม่ใช่เฮดโค้ชรายแรกที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยประกาศแยกทางกับเฮดโค้ชหลายราย จนกลายเป็น “วังวน” ที่ไม่รู้ว่าจะจบสิ้นลงเมื่อไร
Thai PBS รวบรวมข้อสังเกต สิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมปีศาจแดง มีเรื่องอะไรบ้างที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถจัดการปัญหา หรือเรียกว่า ยังไม่หลุดจากวังวนเดิม ๆ ได้เสียที
1.อายุงานผู้จัดการทีมไม่เคยเกิน 3 ปี
นับตั้งแต่บรมกุนซือ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน อดีตบอสใหญ่แห่งแมนฯ ยูไนเต็ด ลงจากตำแหน่งเมื่อราวปี 2013 ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ผู้จัดการทีมมาแล้ว 9 คน คือ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และเอริก เทน ฮาก นอกจากนี้ยังมีผู้จัดการทีมขัดตาทัพอีก 3 คน คือ ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิล คาร์ริก และ ราล์ฟ รังนิก ที่คุมทีมในช่วงสั้นๆ
ที่น่าสนใจคือ อายุงานของผู้จัดการทีมเหล่านี้ ไม่มีใครทำทีมเกิน 3 ปีสักรายเดียว
- เดวิด มอยส์ 10 เดือน (9 พฤษภาคม 2013 – 22 เมษายน 2014)
- ไรอัน กิ๊กส์ 1 เดือนเศษ (ตั้งแต่ 22 เมษายน 2014 ถึงจบฤดูกาล)
- หลุยส์ ฟาน กัล 2 ปี (14 กรกฎาคม 2014 - 23 พฤษภาคม 2016)
- โซเซ่ มูรินโญ่ 2 ปี (1 มิถุนายน 2016 - 18 ธันวาคม 2018)
- โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 2 ปี 11 เดือน (19 ธันวาคม 2019 - 21 พฤศจิกายน 2021)
- ไมเคิล คาร์ริก คุมทีม 3 นัด
- ราล์ฟ รังนิก คุมทีม 14 นัด (พฤศจิกายน 2021 - พฤษภาคม 2022)
- เอริก เทน ฮาก 2 ปี (1 มิถุนายน 2022 - 28 ตุลาคม 2024)
2.เริ่มต้นด้วยความหวังและถ้วยรางวัล แต่สุดท้ายยืนระยะไม่ได้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ปีแรก ๆ ของเหล่าผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด มักสร้างความหวังใหม่ให้กับแฟน ๆ ปีศาจแดง โดยเฉพาะการคว้าถ้วยรางวัลมาครองให้ปลาบปลื้มใจ
อาทิ หลุยส์ ฟาน กัล พาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2015 – 2016 โชโซ่ มูรินโญ่ พาทีมคว้า 2 แชมป์ คือ แชมป์ลีก คัพ และแชมป์ยูโรปา ลีก ในปี 2017
ด้าน โอเล กุนนาร์ โซลชา ไม่เคยทำทีมได้แชมป์ แต่เคยคว้ารองแชมป์ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2020 – 2021 จนมาถึง เอริก เทน ฮาก ที่คว้าไป 2 แชมป์ คือ คาราบาว คัพ (ลีก คัพ) ฤดูกาล 2022 – 2023 และเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2023 – 2024
โดยภาพรวม ใช่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะไร้ถ้วย ไร้แชมป์ แต่! ปัญหาคือ “ความสม่ำเสมอ” ในฟอร์มการเล่น ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีมคนใด ยังไม่เคยบรรลุ “โจทย์ยาก” ข้อนี้ได้เสียที
3.มีความหวังกับนักเตะค่าตัวแพงทุกปี แต่สุดท้ายไม่สร้างอิมแพกต์
อีกหนึ่งวังวนเดิม ๆ ที่ทัพปีศาจแดงยังต้องพบเจออยู่เป็นประจำ คือประเด็นการซื้อตัวนักเตะในราคาแพง ด้วยหวังจะมาสร้างอิมแพ็กให้กับทีม แต่สุดท้ายนักเตะเหล่านั้น ไม่สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีมได้อย่างที่หวัง
- อังเคล ดิ มาเรีย 60 ล้านปอนด์
- จาดอน ซานโช 73 ล้านปอนด์
- โรเมลู ลูกากู 75 ล้านปอนด์
- แอนโทนี 82 ล้านปอนด์
- แฮร์รี แมกไควร์ 87 ล้านปอนด์
- ปอล ป็อกบา 89 ล้านปอนด์
4.รอเวลานักเตะเฉิดฉาย แต่สุดท้าย...ก็เหมือนเดิม
ในอดีต แมนฯ ยูไนเต็ด มักได้ชื่อว่า เป็นทีมที่ “ปั้นนักเตะ” ได้เก่งกาจ และมีส่วนร่วมในการสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ แต่ในปัจจุบัน เหล่าบรรดานักเตะของทีมอย่าง มาร์คัส แรซฟอร์ด, แอนโทนี, อเลฮานโดร การ์นาโช, อาหมัด ดิยัลโล, ดิโอโก ดาโลต์ หรือแม้แต่อดีตผู้เล่นอย่าง อองโตนี มาร์กซิยาล, สกอตต์ แมคโทมิเนย์ ทั้งหมวดล้วนเคยเป็น “ความหวัง" ของทีม ที่รอวันเฉิดฉายกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับพบความจริงที่ว่า ทุกคนไม่สามารถระเบิดฟอร์ม ตลอดจนยังวนและหมุนอยู่บนเส้นทางการเล่นแบบ “เดิมๆ” ของตนเองต่อไป
แฟนปีศาจแดงทั่วโลก ต่างรอวันที่ทีมรักจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่ทุกคนยังมีความหวัง เป็นความหวังที่รอวันให้ปัญหาที่ “วนลูป” อยู่นี้ หายไปเสียที…
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-แมนฯ ยูไนเต็ด ปลด "เทน ฮาก" พ้นผู้จัดการทีม