ในเที่ยวบินทดสอบที่กำลังจะมาถึงของจรวด New Glenn ของบริษัท Blue Origin จรวดทดสอบได้บรรทุกยานอวกาศสองลำเพื่อเดินทางไปยังดาวอังคาร ในโครงการยานอวกาศที่มีขนาดเล็กและต้นทุนต่ำที่สุดที่เดินทางไปยังอวกาศลึกของ NASA ยานอวกาศ EscaPADE
ภารกิจ EscaPADE หรือ Escape and Plasma Acceleration and Dynamics Explorers เป็นภารกิจยานอวกาศฝาแฝดเดินทางไปยังดาวอังคารเพื่อสำรวจและตรวจสอบการสูญเสียชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร ยานอวกาศทั้งสองลำในภารกิจนี้เป็นยานอวกาศขนาดเล็กที่มีขนาดเพียง 550 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นยานอวกาศที่เล็กที่สุดของ NASA ที่ถูกส่งไปยังดาวอังคาร
ยานอวกาศฝาแฝดในภารกิจ EscaPADE มีชื่อว่า Blue กับ Gold ตามลำดับ อยู่ภายใต้โครงการ Small Innovative Missions for Planetary Exploration หรือ SIMPLEx ของ NASA ซึ่งเป็นโครงการพัฒนายานอวกาศขนาดเล็ก ใช้ต้นทุนการพัฒนาน้อย และมีแนวคิดในการฝากการขนส่งไปกับยานอวกาศหรือจรวดในภารกิจอื่น ๆ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ตัวอย่างยานอวกาศอื่น ๆ ภายใต้โครงการ SIMPLEx เช่น ยาน Lunar Polar Hydrogen Mapper หรือ LunaH-Map ที่ถูกส่งไปยังดวงจันทร์พร้อมกับภารกิจ Artemis I ในช่วงปี 2022 หรือยาน Lunar Trailblazer ที่จะเดินทางไปพร้อมกับยานอวกาศในภารกิจ Commercial Lunar Payload Services หรือ CLPS
แต่แรกยาน EscaPADE ควรจะออกเดินทางไปพร้อมกับยานอวกาศ Psyche ตั้งแต่ปี 2022 แต่เนื่องจากตัวยาน Psyche มีการเลื่อนการปล่อยออกไปเป็นปี 2023 ทำให้ช่วงเวลาในการปล่อยของยาน EscaPADE ไม่ตรงกับดาวอังคารทำให้ตัวยานถูกถอดออกจากภารกิจร่วมกับยาน Psyche และถูกเลื่อนการปล่อยเรื่อยมาจนบรรจบที่เที่ยวบินทดสอบจรวด New Glenn ของ Blue Origin
ยาน EscaPADE เป็นภารกิจสำรวจอวกาศที่มีมูลค่าสูงที่สุดในภารกิจทั้งหมดของโครงการ SIMPLEx ซึ่งในโครงการอื่น ๆ จะมีงบประมาณในตัวภารกิจอยู่ที่ประมาณไม่กี่ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่สำหรับ EscaPADE มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 79 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2,700 ล้านบาท ในครั้งนี้ทาง NASA เป็นผู้คัดเลือกบริษัทเอกชนในการเป็นผู้ผลิตและพัฒนาตัวยานอวกาศ โดยเลือกบริษัท Rocket Lab เป็นบริษัทผลิตและประกอบตัวยานอวกาศทั้งสองลำในภารกิจนี้
ตัวยานอวกาศทั้งสองลำถูกพัฒนาต่อมาจากตัวจรวดท่อนที่ 3 ของจรวด Electron ที่มีชื่อว่า Proton ซึ่งในส่วนของจรวดท่อนที่ 3 นี้นั้นจะมีรูปร่างที่เหมือนกับยานอวกาศ ทางบริษัท Rocket Lab อาศัยตัวพื้นฐานของจรวดท่อนที่ 3 มาพัฒนาตัวยานอวกาศทั้งสองลำของโครงการนี้ ซึ่งได้พัฒนาและติดตั้งอุปกรณ์นำทางในอวกาศ ระบบตรวจจับตำแหน่งดาว เพิ่มขนาดของระบบเชื้อเพลิง ระบบควบคุมทิศทางของยานอวกาศ มีการติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย ArianeSpace และติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์กำลังกายผลิตไฟฟ้า 260 วัตต์ให้กับตัวยานอวกาศ
ยานอวกาศมีภารกิจหลักในการศึกษาการสูญเสียชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร ผ่านทฤษฎีที่ว่าด้วยการสูญเสียสนามแม่เหล็กของดาวอังคารทำให้ตัวดวงดาวนั้นสูญเสียชั้นบรรยากาศในอดีตลงไปได้อย่างไร มีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์หลักคือเครื่องวัดสนามแม่เหล็ก (Magnetometer) เพื่อใช้ในการวัดสนามแม่เหล็กและอนุภาคภายในชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร และออกแบบให้มีวงโคจรที่เป็นรูปแบบวงรีสูงคล้ายกับยานอวกาศ MAVEN ของ NASA
ในเดือนสิงหาคม 2024 ตัวยานในภารกิจ EscaPADE ทั้งสองลำได้เดินทางมาถึงแหลมคะเนอเวอรัลเพื่อประกอบเข้ากับด้านบนของตัวจรวด New Glenn ของบริษัท Blue Origin ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ Amazon ทั้งยังเป็นเที่ยวบินทดสอบ ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มากกว่าเดิม หากจรวด New Glenn สามารถปล่อยออกไปได้อย่างไม่มีปัญหา ตัวยานอวกาศทั้งสองลำจะเดินทางไปถึงดาวอังคารภายในช่วงปี 2025
นี่แสดงให้เห็นถึงกระแสที่ทั่วทั้งโลกกำลังให้ความสนใจในยานอวกาศและดาวเทียมขนาดเล็กเพื่อประยุกต์ใช้ในงานด้านการสำรวจโลกและอวกาศ ซึ่งภารกิจ EscaPADE นี้ก็แสดงให้เห็นถึงการตอบรับของ NASA ในกระแสและแนวคิดนี้ด้วย
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
🎧 อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : spaceth
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech