นอกจากการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่ใน #ซูดาน แล้ว ประเทศนี้ยังมีมุมอื่น ๆ ที่น่าศึกษาค้นหาอยู่ไม่น้อย ไทยพีบีเอส จึงรวบรวมมุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาให้ได้ทราบ เพื่อที่คุณจะได้รู้จัก #ซูดานปัจจุบัน ให้มากยิ่งขึ้น
“สาธารณรัฐซูดาน” อยู่ตรงไหนของโลก
ที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ ตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคแอฟริกาและตะวันออกกลาง มีพรมแดนติดกับอียิปต์ ลิเบีย ชาด สาธารณรัฐแอฟริกากลาง เอริเทรียเอธิโอเปีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ยูกันดา และเคนยา
นอกจากนี้เป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำไนล์ ที่เกิดจากแม่น้ำบลูไนล์ ซึ่งไหลมารวมกับแม่น้ำไวท์ไนล์ที่กรุงคาร์ทูม (Khartoum) ซึ่งเป็น #เมืองหลวงซูดาน ขณะที่ประชากรทั้งประเทศมีประมาณ 39.4 ล้านคน ส่วนภูมิอากาศ จะร้อนแห้งแล้งแบบทะเลทราย
“สาธารณรัฐซูดานใต้” ในอดีต เคยรวมเป็นประเทศเดียวกับ “สาธารณรัฐซูดาน”
หลังจากเกิด #สงครามกลางเมืองซูดาน มาอย่างยาวนาน เมื่อปี 2011 ประชาชนจึงได้ลงมติแยกตัวออกจากซูดาน ส่งผลให้ #ซูดานใต้ กลายเป็นประเทศใหม่ที่สุดในโลก แต่ถึงอย่างนั้นปัญหาสงครามก็ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
“ซูดาน” พื้นที่ขนาดเท่าใด
2,505,810 ตารางกิโลเมตร (967,493 ตารางไมล์) เป็นประเทศใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของทวีปแอฟริกา
ภาษาประจำชาติ
- อาราบิก เป็นภาษาราชการ
- ภาษาอังกฤษ
- ภาษาท้องถิ่นอื่น ๆ
#ซูดานศาสนา ประจำชาติ
- มุสลิม (ซุนหนี่) 70%
- คริสเตียน 5%
- และอื่น ๆ 25%
ระบอบการเมือง ระบบสาธารณรัฐ : ซูดาน
- มีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและผู้นำรัฐบาล
#ซูดานเศรษฐกิจ และสังคม
#ประเทศซูดาน มีฐานะยากจน และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากที่สุดในแอฟริกา โดยแบ่งเป็น 2 เชื้อชาติหลัก ได้แก่ อาหรับและแอฟริกันผิวดำ โดยประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในปี 2542 มีการค้นพบแหล่งน้ำมัน ทำให้รัฐบาลเริ่มประกอบอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การเป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันนี้ทำให้ #ประเทศซูดาน ได้รับความสนใจจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก และบริษัทต่างชาติจำนวนมากประสงค์เดินทางมาเยือนซูดาน เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในด้านกิจการน้ำมันในซูดาน
ขณะที่เศรษฐกิจของซูดานได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมือง ทำให้สาธารณูปโภคถูกทำลาย การบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจที่ผิดพลาด และการที่มีประชากรผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยกว่า 4 ล้านคนอยู่ในประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังจากสงครามระหว่างซูดานเหนือและ #ซูดานใต้ สิ้นสุดลง เศรษฐกิจของซูดานเติบโตขึ้นเป็นสองเท่าภายในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้นแม้สหประชาชาติจะจัดให้ซูดาน เป็น 1 ใน 50 ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกแต่ซูดานก็มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ
สินค้าส่งออกสำคัญของ “ซูดาน”
- แร่ธาตุและสินค้าเกษตร
- น้ำมันดิบ
- ทองคำ
- เมล็ดงา
สินค้านำเข้าที่สำคัญ
- อาหาร
- สินค้าอุตสาหกรรม
- อุปกรณ์ในการกลั่นและการขนส่ง
- ยาและเคมีภัณฑ์
- สิ่งทอ
- ข้าวสาลี
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ (ส่งออก)
- จีน ร้อยละ 82.1
- ญี่ปุ่น ร้อยละ 8.4
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร้อยละ 2.5
ข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ : 17.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- รายได้ประชาชาติต่อหัว : 1,808 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- การขยายตัวทางเศรษฐกิจ : ร้อยละ 6.5
- อัตราเงินเฟ้อ : ร้อยละ 17.8
- ทุนสำรองต่างประเทศ : 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความสัมพันธ์ : “สาธารณรัฐซูดาน” กับ “ไทย”
ด้านการทูต
ประเทศไทยสถาปนาความสัมพันธ์กับ #ซูดาน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2525 โดยได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร มีอาณาเขตครอบคลุมถึง #ประเทศซูดาน เอกอัครราชทูตคนปัจจุบันคือนายนภดล เทพพิทักษ์ และกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคาร์ทูม คือนาย Gamal B. Elnefeidi ส่วนฝ่ายซูดานมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตซูดานประจำประเทศมาเลเซีย ดูแลประเทศไทย กงสุลกิตติมศักดิ์ซูดานประจำประเทศไทยคือ นาย Yahia Elmakki Mohamed
ด้านเศรษฐกิจ
ปัจจุบันมีนักธุรกิจไทยมีการดำเนินการจัดตั้งศูนย์การค้าไทยที่กรุงคาร์ทูม เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตสินค้าไทย (อาหารฮาลาล) ห้องแสดงสินค้าไทย และร้านอาหารไทย นอกจากนี้ #ประเทศซูดาน ยังมีความต้องการสินค้าจากไทย เช่น เสื้อผ้า วัสดุก่อสร้าง อาหารกระป๋อง ส่วนไทยนำเข้าฝ้ายจากซูดาน
ทำไม ? คนไทยไปเรียนที่ซูดาน
เนื่องจาก “ซูดาน” เป็นศูนย์กลางการศึกษาศาสนาอิสลาม โดยกว่าร้อยละ 80 ของชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชาวมุสลิมในประเทศเพื่อนบ้านของไทย นิยมส่งลูกหลานไปเรียนเกี่ยวกับศาสนาอิสลามในประเทศแถบทวีปแอฟริกา นอกจากต้องการเปิดให้คนในครอบครัวได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างแดน
นอกจากนี้ทวีปแอฟริกายังเป็นแหล่งศาสนาอิสลามที่เก่าแก่มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกด้วย โดยในเมืองคาร์ทูม #เมืองหลวงซูดาน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยนานาชาติแอฟริกา (International University of Africa) สถานที่เผยแพร่และเรียนรู้ศาสนาอิสลามที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ผลิต “อิหม่าม” ผู้นำศาสนาอิสลามจำนวนมาก
“ซูดาน” คือแหล่งผลิตแพทย์ภาษาอาหรับชั้นเยี่ยม
หลายคนไม่กล้าไปซูดานเพราะห่วงเรื่องโรคระบาด หรือโรคประจำถิ่น แต่สำหรับผู้ที่เรียนแพทย์แล้วนั้น "ซูดาน" ถือเป็นแหล่งคลังความรู้ที่ล้ำค่า เพราะความรู้เรื่องโรคประจำถิ่นในแถบแอฟริกา ยังถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับเมืองไทย แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้จะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาได้
สิ่งที่ได้กลับมาอีกอย่างคือ "ภาษา" ซูดานใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาหลัก ชาวต่างชาติที่เข้าไปเรียน จะได้ภาษาอาหรับติดตัวมา และเป็นที่รู้กันว่า ความต้องการแพทย์ไทยที่สื่อสารภาษาอาหรับได้นั้นมีสูงมาก การได้ภาษาอาหรับกลับมา ย่อมเป็นใบเบิกทางสู่อาชีพแพทย์ในเมืองไทยได้ดี
📌อ่านต่อ : เปิดเหตุผล คนไทยไปเรียนอะไรที่ซูดาน ?
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : กระทรวงการต่างประเทศ