นักรัฐศาสตร์ชี้
ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่าขณะนี้ประเด็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.กับ พรรคเพื่อไทย เริ่มมีมากขึ้นจากการมุ่งเน้นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลรวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงควรปรับท่าทีในความต้องการกลับประเทศโดยการใช้แนวทางปรองดอง ซึ่งอาจจะนำไปสู่จุดแตกหักขยายความขัดแย้งมากขึ้น โดยสะท้อนจากกรณีที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่น ในหลายพื้นที่เป็นฐานเสียงของกลุ่ม นปช.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ แกนนำ นปช. ยืนยันว่า กลุ่ม นปช.กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีความขัดแย้งในแนวทางการปรองดอง โดยการวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นความเห็นแตกต่างทางความคิดในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ขณะที่การเดินหน้าการปรองดอง กับเรื่องของคดีความ จะเป็นกรณีที่ทำควบคู่กันไปตามกระบวนการยุติธรรม
ส่วนกรณีการสรุปสำนวนของ กกต.ในการร้องยุบพรรคการเมืองนั้น นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยอมรับว่า การยื่นยุบพรรคการเมืองตามหลักกฎหมายจะตรงกับมาตรา 94 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นบทบัญญัติที่มีเนื้อหาตีความได้กว้างมาก ทำให้ฝ่ายการเมืองสามารถนำทุกประเด็นเข้ามาร้องยุบพรรคได้ เพื่อต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งถูกยุบพรรคไป
ส่วนการยื่นร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีรับเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมจากบริษัทอีส วอลเตอร์ ขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานอยู่ โดยนางสดศรี ระบุว่าเรื่องรับเงินบริจาคถือเป็นเรื่องสำคัญของพรรคการเมืองที่จะต้องทำรายงานแจ้ง กกต. ให้รับทราบว่า เงินที่เข้ามานั้นเป็นลักษณะใดซึ่งตามข้อกฎหมายได้บัญญัติห้ามพรรคการเมืองรับเงินบริจาคจากนิติบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย แม้จะเป็นบริษัทนิติบุคคลในประเทศไทยก็ตาม ซึ่งหากไม่มีการแจ้งให้กกต.ได้รับทราบหัวหน้าพรรคจะต้องรับผิดชอบตามโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
แท็กที่เกี่ยวข้อง: