ขณะที่วันนี้ (17 เม.ย.2568) เป็นวันแรกในการเปิดบริการหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้ป่วยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุก็บอกว่า มีความเข้าใจและเห็นใจแพทย์ เพราะว่าภาระงานค่อนข้างหนัก เนื่องจากมีผู้ป่วยมีจำนวนมาก
บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ที่โรงพยาบาลบึงกาฬ มีผู้ป่วยมารอคิวเข้ารับการตรวจรักษาเป็นจำนวนมาก หลังช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวและเดินทางมาตรวจตามที่แพทย์นัด
หากมาจากอำเภอที่อยู่ไกล ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 กว่าจะได้กลับบ้านก็บ่าย 2 ถึงบ่าย 3 จากการสอบถามผู้ป่วยส่วนหนึ่ง บอกว่า ไม่ทราบว่ามีกระแสข่าว “หมออินเทิร์น” หรือแพทย์จบใหม่ที่ไปฝึกปฏิบัติในโรงพยาบาล แต่รับรู้ว่าแพทย์ทำงานหนัก และมีผู้ป่วยเยอะมาก
บางคนบอกว่า เมื่อเข้าไปตรวจแพทย์จะมีเวลาสอบถามอาการตรวจรักษาประมาณ 4-5 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากมาตรวจรักษา รวมทั้งส่วนหนึ่งก็เป็นชาวลาว
ด้าน นพ.กมล แซ่ปึง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงกาฬ ยอมรับว่า มีปัญหาขาดแคนแพทย์ตั้งแต่ก่อตั้งเป็นจังหวัด เมื่อปี 2554 ปัจจุบันโรงพยาบาลบึงกาฬ มีแพทย์ 27 คน และแพทย์เพิ่มพูนทักษะ หรือ หมออินเทิร์น 1 จำนวน 16 คน แพทย์ทั้งจังหวัด ทุกอำเภอรวมกันมี 64 คน
ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ทราบปัญหานี้ และมีแนวทางการแก้ปัญหาชัดเจน โดยปีที่ผ่านมาได้จัดสรรแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ให้โรงพยาบาลบึงกาฬ และโรงพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 8 เต็มศักยภาพการฝึก 100 % ทำให้ปัญหาในระยะสั้นดีขึ้น
และก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารได้หาทางแก้ปัญหาช่วย จ.บึงกาฬ โดยให้มีการยกร่างเป็นพื้นที่พิเศษ เพื่อหาทางจูงใจดึงดูดให้แพทย์มีความต้องการทำงานที่ จ.บึงกาฬยาวนานขึ้น
เป็นการวางแผนก่อนมีข่าวหมออินเทิร์นลาออก และยังมีโครงการเชิญชวนให้แพทย์ที่อยู่โรงพยาบาลจังหวัดอื่น ๆ สามารถมาปฏิบัติราชการที่บึงกาฬ คราวละ 2 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
ผอ.รพ.บึงกาฬ กล่าวต่อว่า กรณีหมออินเทิร์นยื่นใบลาออก เมื่อฝึกแพทย์เพิ่มพูนทักษะครบ 1 ปี แล้ว 6 คน เนื่องจากได้ที่ทำงานใหม่ใกล้ภูมิลำเนา อีก 4 คน รอผลประกาศคัดเลือก ซึ่งเดิมแพทย์กลุ่มนี้ต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลอำเภอ ซึ่งจะขาดแพทย์ที่จะไปทำงาน แต่ผู้บริหารได้วางแผนแก้ปัญหาล่วงหน้าไว้ โดยจะมีการหมุนเวียนแพทย์จากจังหวัดที่ไม่ขาดแพทย์ มาช่วยโรงพยาบาลชุมชนใน จ.บึงกาฬ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงกาฬ ยังระบุว่า การแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ต้องวิเคราะห์ดูที่สาเหตุ คือ 1.ภาระงานหนักเกินไปเมื่อเทียบกับที่อื่นเนื่องจากมีจำนวนแพทย์น้อย 2.ห่างไกลและไม่มีความเจริญ 3.ไม่มีแรงจูงใจดึงดูดให้คนอยากมา
4.ปัญหาเรื่องการส่งต่อคนไข้จากโรงพยาบาลชุมชน ไปโรงพยาบาลจังหวัดต่าง ๆ มีความยาก 5.มีแพทย์ที่เป็นคนท้องถิ่นน้อย ทำให้อยู่ไม่นาน ก็ต้องย้ายกลับภูมิลำเนา
สำหรับแนวทางการปัญหา คือ 1.เติมแพทย์เข้าในระบบ ซึ่งขณะนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพที่ 8 ได้พยายามเติมให้แล้ว 2.ต้องหาแรงจูงใจดึงดูดให้อยากมาอยู่บึงกาฬ โดยใช้โมเดล 3 จังหวัดชายแดนใต้ เช่น มีค่าตอบแทนพิเศษ มีเลื่อนเงินเดือนพิเศษ สามารถไปเรียนต่อได้เร็วกว่าที่อื่น ทำชำนาญการพิเศษ หรือเชี่ยวชาญง่ายขึ้น มีวันหยุดมากขึ้น อายุราชการทวีคูณ เป็นต้น
3.เรื่องการส่งต่อ ตอนนี้ผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพที่ ได้ประชุมหารือทำให้ดีขึ้นมากมาระดับหนึ่งแล้ว
4.ส่งเสริมให้คนในจังหวัดบึงกาฬ มีสิทธิ์ไปเรียนเป็นแพทย์ได้ง่ายกว่าเดิม เช่น คัดเลือกเอาหัวกะทิ ภายในจังหวัด หรือจังหวัดใกล้เคียง และมีการประสานกับโรงเรียน ให้มีการจัดติวเข้มเพื่อให้ไปเรียนแพทย์ให้ได้ โดยไม่ต้องสอบแข่งขันกับจังหวัดอื่น
ขณะที่เฟซบุ๊ก นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อมูลสะท้อนปัญหาบุคคลากรในระบบสาธารณสุข ทุกคนล้วนเจอกับ “ภาระที่เพิ่มขึ้น” แต่ “แรงสนับสนุนกลับลดลง”
โดยให้ข้อมูลสาเหตุที่แพทย์ลาออก เช่น ทำงานแต่ไม่ได้รับเงินตรงเวลา ถูกกดทับจากภายในเอง นโยบายส่วนกลาง ไม่เคยฟังเสียงจากพื้นที่จริง ภาระผู้ป่วยข้ามแดน ที่ไม่มีงบหรือแผนรองรับ และงานเอกสารมากเกินความจำเป็น รวมทั้งเสนอทางออก และพร้อมใช้กลไกรัฐสภาเผื่อผลักดันการแก้ปัญหาในระบบสาธารณสุข
อ่านข่าว : "ภูมิใจไทย" ขยับปรับเกม เลิกเล่นบท “พระรอง”
ข่าวดี! รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึง 30 เม.ย.นี้
“นิติเวช” ส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตจากตึก สตง.ถล่ม ให้ครอบครัวแล้ว 21 คน