"สงกรานต์" ช่วงเวลาไฮซีซันด้านการท่องเที่ยวของไทย เผชิญสถานการณ์สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวและอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวที่ภาพของอาคารสูงเกิดรอยร้าวและภาพอาคาร สตง.ถล่มถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก รวมทั้งสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง กระทบนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่สุดของไทย จนเกิดความกังวลว่าตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวปีนี้อาจไม่เข้าเป้าตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้
ต้นปี 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวไว้ที่ 37.5 ล้านคน มูลค่าการท่องเที่ยวที่คาดหวัง 1.78 ล้านล้านบาท ซึ่งยังเติบโตอยู่ แต่เป็นการเติบโตแบบชะลอตัว สาเหตุที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินไว้คือ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก เทรนด์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป การแข่งขันสูงขึ้น ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยที่สะดุดจากเหตุลักพาตัวนักแสดงจีน
หากดูตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 3 เดือนแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมแล้วกว่า 9.5 ล้านคน จีนยังคงเข้ามาเป็นอันดับ1 จำนวน 1.3 ล้านคน รองลงมาเป็นมาเลเซีย 1.1 ล้านคน, รัสเซีย 700,000 คน, อินเดีย 500,000 คนและเกาหลีใต้ 490,000 คน

แม้ตัวเลขดังกล่าวจะดูดี แต่นักท่องเที่ยวจีนลดลงถึง 430,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 เพราะในไตรมาสแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาถึง 1.76 ล้านคน เท่ากับ 3 เดือนแรกของปีไทยเสียนักท่องเที่ยวจีนไปถึง 24.2%
สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความไม่มั่นใจและภาพลักษณ์ความปลอดภัยยังกระทบกระเทือน แม้จะจัดการปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ไปได้มากแล้วก็ตาม แต่เมื่อถึงช่วงสงกรานต์ที่เป็นความหวังสำหรับต้นไตรมาส 2 สถานการณ์จะเป็นอย่างไร
ททท.คาดการณ์การท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ปี 2568 ว่าจะสร้างรายได้กว่า 2.6 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 470,000 คนและรายได้เพิ่มกว่า 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเข้าไทย 5 อันดับแรกช่วงสงกรานต์ คือ มาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้
ช่วงสงกรานต์ที่ถือเป็นช่วงความหวังดึงบรรยากาศจับจ่ายและส่งเสริมการท่องเที่ยวชั้นยอด เนื่องจากภาพความสนุกสนานของช่วงเวลานี้จะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้สงกรานต์เป็นอีเวนท์สำคัญที่จะส่งเสริมตลอดเดือน เม.ย.นี้ ขณะที่ ททท.มีงานใหญ่อย่างเย็นทั่วหล้าที่จัดกันทั่วประเทศต่อเนื่องหลายปี และมีงานมหาสงกรานต์สองฝั่งโขงที่ จ.หนองคาย จัดปีนี้เป็นปีแรก

ถือเป็นความพยายามของรัฐบาลเพื่อดันตลาดการท่องเที่ยวให้คงความเป็นเครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแข่งขันของหลายๆ ชาติ ที่ต้องการดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว หลายประเทศใช้นโยบายฟรีวีซาที่เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้มาก เช่น จีน ซึ่งในระยะหลังคนไทยไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้น แม้จะยังไม่เท่าญี่ปุ่นที่เป็นเป้าหมายปลายทางการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ของคนไทย
ปี 2568 สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (TTAA) ประเมินว่าคนไทยจะเที่ยวต่างประเทศราวๆ 300,000 คน ลดลง 7-15% เพราะปัจจัยเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ไม่มีใจเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ตัวเลขไทยเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์ปีนี้ ททท.ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 7% ที่กว่า 4 ล้านคน คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นร่วมๆ 20,000 ล้านบาท
สอดคล้องกับคาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้นถึง 14% ในช่วงวันที่ 11-17 เม.ย. เที่ยวบินทั้งหมดจะอยู่ที่ราวๆ 18,530 เที่ยว เฉลี่ยวันละ 2,647 เที่ยวบินต่อวัน โดยสนามบินดอนเมืองมีคนใช้บริการ 313 เที่ยวบินต่อวัน, สนามบินภูเก็ต 313 เที่ยวบินต่อวัน และสนามบินเชียงใหม่ 200 เที่ยวบินต่อวัน
ภาพรวม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) คาดว่าจะมีคนใช้บริการมากกว่า 3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.5% เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1.86 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.5% ในประเทศ 1.14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.9%
ส่วนยอดจองโรงแรม มีรายงานว่า หลังเหตุแผ่นดินไหวยอดจองช่วงสงกรานต์ลดลงเล็กน้อย โดยยอดจองโรงแรงภาคเหนืออยู่ที่ 60% แต่เมื่อใกล้สงกรานต์ขยับมาเป็น 80% ขณะที่พัทยา ภูเก็ต ก็เพิ่มมาอยู่ในระดับนี้แล้วเช่นกัน
อ่านข่าว
สงกรานต์ 2568 เสริมสิริมงคลด้วย 5 บทสวดมนต์รับปีใหม่ไทย
พาณิชย์ คุมเข้มราคาสินค้า-น้ำมัน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ป้องโก่งราคา
ปชช.กลับสงกรานต์มิตรภาพรถเริ่มแน่น บขส.เผย 10 เม.ย. กว่า 1.2 แสนคน