ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จีนประกาศลดนำเข้าหนังอเมริกา โต้กำแพงภาษี "ทรัมป์"

ต่างประเทศ
11 เม.ย. 68
14:57
312
Logo Thai PBS
จีนประกาศลดนำเข้าหนังอเมริกา โต้กำแพงภาษี "ทรัมป์"
อ่านให้ฟัง
06:42อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกและในหลายวงการด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่การค้าขายสินค้าธรรมดาทั่วๆ ไปเท่านั้น อุตสาหกรรมภาพยนตร์เองก็โดนหางเลขจากการปะทะกันของสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจด้วย

 

ซึ่งตลาดภาพยนตร์ในจีนใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น ใครก็อยากเอาภาพยนตร์ของตัวเองไปฉายในจีน แต่สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ในสหรัฐฯ อาจเจอปัญหาหนักใจหน่อยหลังจากนี้

แม้ว่าในภาพรวม สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้ากับจีนปีละนับแสนๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนเป็นเหตุให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องออกมาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 145% แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่สหรัฐฯ ได้เปรียบและเกินดุลการค้ากับจีน หนีไม่พ้น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งตอนนี้กำลังโดนพิษจากสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลก

สำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติจีนออกแถลงการณ์ ว่า การตั้งกำแพงภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นการกระทำที่ผิด ซึ่งย่อมส่งผลให้ผู้ชมในจีนชอบภาพยนตร์อเมริกันลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางสำนักงานจึงจะดำเนินการตามกฎของตลาด เคารพการตัดสินใจของผู้ชมและจะลดจำนวนภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ที่จะนำเข้ามาฉายในจีนด้วย

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คนดังในแวดวงข่าวและโลกออนไลน์ออกมาสนับสนุนการห้ามนำเข้าภาพยนตร์อเมริกัน หรือลดจำนวนการนำเข้าลง เพื่อตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ที่พุ่งเป้าโจมตีมาที่จีน

ข้อมูลจากสมาคมผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในอังกฤษ ชี้ว่า ตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในอเมริกาเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งมีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เมื่อปี 2021 กว่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และ อังกฤษ ไอร์แลนด์ โดยตลาดทั้ง 5 ที่นี้ มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นของตัวเองและมีขนาดใหญ่ด้วย ขณะที่ตลาดจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

จีนมีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน ดังนั้น ตลาดแห่งนี้จึงดึงดูดใจนักลงทุน รวมทั้งบรรดาผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากทั่วโลก อย่างสหรัฐฯเองจีนเริ่มนำเข้าภาพยนตร์อเมริกันในปี 1994 โดยนำเข้ามาปีละประมาณ 10 เรื่อง ผ่านรูปแบบการจัดจำหน่ายที่จะมีการแชร์รายได้กันระหว่างบริษัทในและนอกประเทศ ซึ่งสตูดิโอฮอลลีวูดจะได้รับเงินเพียงแค่ 1 ใน 4 ของรายรับทั้งหมด ขณะที่จีนจะเก็บภาษี 50%

ภาพยนตร์ฮอลลีวูดมียอดจำหน่ายตั๋วประมาณ 5% ของยอดจำหน่ายตั๋วทั้งหมดในจีนเท่านั้น โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก ขณะที่ความนิยมในภาพยนตร์ฮอลลีวูดของชาวจีนลดน้อยลง สวนทางกับยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ที่จีนผลิตขึ้นเองในประเทศ โดยตั้งแต่ปี 2020 ภาพยนตร์จีนกินส่วนแบ่งปีละประมาณ 80% ของรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ทั้งหมดในจีน

ตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง คือ มีเพียงแค่เรื่อง Avengers: Endgame เท่านั้น ที่เป็นภาพยนตร์นำเข้าและติดโผภาพยนตร์ทำเงินตลอดกาลในจีน 20 อันดับแรก โดยทำเงินไปทั้งสิ้น 4,250 ล้านหยวน หรือเกือบ 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 19 เรื่องเป็นภาพยนตร์จีนทั้งหมด

จริงๆ แล้ว สตูดิโอในสหรัฐฯ หวังพึ่งตลาดจีน หลังอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในตะวันตกอิ่มตัวและแพลตฟอร์มการชมภาพยนตร์แบบออนไลน์แย่งผู้ชมไปเยอะ แต่ในระยะหลังๆ มานี้ ทางการจีนหันมาคุมเข้มการนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์อเมริกันที่อาจจะขัดกับคุณค่าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดถือ

ข้อมูลจาก "เมาเหยี่ยน เอนเตอร์เทนเมนต์" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดของจีน ชี้ว่าทางการจีนอนุญาตให้มีการฉายภาพยนตร์อเมริกันสูงสุดมากกว่า 60 เรื่องในปี 2018 ก่อนที่ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 โดยต่ำที่สุดอยู่ที่ 25 เรื่อง เมื่อปี 2022 ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 40 เรื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

แม้ตอนนี้ จีนจะยังไม่ได้ถึงกับห้ามการนำเข้า แต่การตัดสินใจสั่งลดจำนวนภาพยนตร์อเมริกัน ก็ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนอาจจะหันมาโจมตีธุรกิจภาคบริการของสหรัฐฯ ในสงครามการค้ารอบนี้หรือไม่ ซึ่งจุดนี้จะทำให้จีนมีตัวเลือกในการตอบโต้สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังจากรายได้ในด้านนี้ของสหรัฐฯ เกินดุลกับจีนในหลายธุรกิจ ทั้งภาคการท่องเที่ยว ค่าลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา และคมนาคม

ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทางการจีนก็เพิ่งออกมาเตือนนักเรียนจีนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการไปเรียนที่สหรัฐฯ ในบางรัฐ รวมทั้งขอให้พลเมืองจีนระมัดระวังในการเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐฯ ด้วย

การนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดอาจไม่ใช่แค่เรื่องของเม็ดเงินที่สหรัฐฯ จะได้รับเท่านั้น แต่เป็นผลประโยชน์ใหญ่ในการส่งออกวัฒนธรรมอเมริกันไปยังจีนผ่าน soft power ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยแผ่ขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ไปทั่วโลก การจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์แบบนี้เป็นวิธีที่ตีได้ตรงจุด และจีนไม่ต้องเจ็บมากด้วย

อ่านข่าว :

ภาษีจีนทะยาน 145% ทรัมป์ รอสาย สี จิ้นผิง ปักกิ่งเมินเจรจา

จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก "อเมริกา-จีน" เดินเกมตอบโต้

หุ้นเอเชียพุ่งขานรับ "ทรัมป์" ระงับเก็บภาษีนำเข้า 90 วัน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง