วันนี้ ( 11 เม.ย.2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวหลังลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าและบริการ สถานีขนส่งหมอชิต 2 เขตจตุจักร สถานีบริการน้ำมัน บางจาก ขาออกวิภาวดีรังสิต และ ท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดและส่วนใหญ่ต้องใช้บริการรถโดยสารประจำทางโดยเฉพาะรถทัวร์ และเครื่องบิน นอกจากจะต้องรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแล้ว จะต้องซื้อหาสินค้าเพื่อใช้บริโภคหรือนำไปเป็นของฝากญาติพี่น้อง

ดังนั้นเพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชน กรมฯได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด เพิ่มเติมจากการออกตรวจสอบที่ดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว
เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการตามสถานีขนส่งและสถานีรถไฟต่างๆ เช่น ผู้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการรับฝากของบริการรถเข็นสัมภาระ ให้มีการ ”ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังได้กำชับให้คิดค่าสินค้าและบริการให้ตรงกับป้ายราคาที่แสดงไว้ เพื่อป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาจำหน่ายสินค้าและบริการสูงเกินสมควรในช่วงเทศกาลที่มีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งในภาพรวมปีนี้ราคาจำหน่ายสินค้าและค่าบริการ ส่วนใหญ่มีราคายังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชนในการเติมน้ำมันในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ได้น้ำมันเต็มลิตร กรมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายตรวจคุมเข้มการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ ตามเส้นทางการเดินรถที่เป็นรอยต่อของจังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล มุ่งหน้าออกสู่ต่างจังหวัด
และในเขตพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามที่ได้มีการปล่อยขบวนรถสายตรวจเฉพาะกิจ ออกตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 1 – 10 เม.ย. ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน และหน่วยงานในพื้นที่ ครอบคลุมกว่า16,000 หัวจ่ายทั่วประเทศ และประชาชนสามารถมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น
หากพบเห็นสถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการ หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐานซึ่งกรมได้มอบป้ายสัญลักษณ์โครงการ ให้แก่บริษัทผู้ค้าน้ำมันที่ให้ความร่วมมือกับกรม สมัครเข้าร่วมโครงการ และรายงานผลการตรวจสอบให้กรมทราบเป็นประจำทุกเดือนตามเงื่อนไขโครงการ ปัจจุบันมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8,000 สถานี

ส่วนพื้นที่สนามบินดอนเมืองได้ตรวจสอบเครื่องชั่งกระเป๋า และผู้ประกอบการร้านค้าภายในสนามบิน ที่ และสั่งการให้นายตรวจชั่งตวงวัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ออกตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระในท่าอากาศยานพาณิชย์ทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ ให้มีความถูกต้องเที่ยงตรง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เนื่องจากน้ำหนักของกระเป๋าสัมภาระมีผลต่อการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของสายการบิน โดยได้ดำเนินการตรวจสอบระหว่างทั้งหมดแล้ว ถูกต้องเที่ยงตรงทั้งหมด
ประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างมั่นใจ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ Line@MR.dit หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากพบการกระทำผิดจริงกรมการค้าภายในจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำหรับโทษกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควรกักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับสถานีบริการน้ำมันใดที่ถูกตรวจพบว่าใช้มาตรวัดที่ไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และกรณีพบว่ามีการดัดแปลงมาตรวัดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีผู้ที่ใช้เครื่องชั่งโดยที่รู้อยู่ว่าเครื่องชั่งนั้นแสดงผลผิดหรือไม่เที่ยงตรงเกินกฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าว:
เปิดเส้นทางเลี่ยงรถติดสงกรานต์ จากกรุงเทพฯ สู่ทุกภูมิภาค
สงกรานต์เดินทางไกล คนใช้สิทธิ "บัตรทอง" หากเจ็บป่วยต้องทำอย่างไร?
ขึ้นบัญชี 10 มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมปี 67 "เรือมอันเร-เพลงทรงเครื่อง"