วันนี้ (1 เม.ย.2568) ในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ NBC News เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่น ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความฮือฮาด้วยการไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะลงชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 3 ซึ่งขัดต่อ รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 22 ที่ระบุชัดเจนว่า "บุคคลหนึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ไม่เกิน 2 สมัย"
ทรัมป์ระบุว่า "มีวิธี" ที่จะทำให้เขากลับมาครองทำเนียบขาวได้อีกครั้ง และย้ำว่า "ไม่ได้ล้อเล่น" เมื่อถูกถามย้ำถึงความจริงจังในคำพูดของเขา
ทรัมป์กล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์ว่า "หลายคนอยากให้ผมทำแบบนั้น" โดยอ้างถึงกลุ่มพันธมิตรและผู้สนับสนุนของเขา อย่างไรก็ตาม เขายังบอกว่า มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเขากำลังมุ่งเน้นไปที่วาระการบริหารในปัจจุบัน ที่เพิ่งเริ่มต้นสมัยที่ 2 ของเขาเมื่อ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อถูกถามว่าเขาอยากลงสมัครอีกครั้งหรือไม่ ทรัมป์ตอบสั้น ๆ ว่า "ผมชอบทำงาน" ซึ่งเป็นคำตอบที่เปิดช่องให้ตีความได้หลากหลาย
"มีวิธี" ของทรัมป์คืออะไร ?
เมื่อ NBC News ถามถึงแผนการที่เป็นไปได้ในการลงสมัครสมัยที่ 3 ทรัมป์เผยว่า "มีวิธีที่เราจะทำได้" และยกตัวอย่างหนึ่งว่า รองปธน.เจดี แวนซ์ อาจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2571 แล้วส่งต่อตำแหน่งให้เขา ซึ่งเป็นหนึ่งใน "วิธี" ที่เขากล่าวถึง แต่เมื่อถูกขอให้เปิดเผยวิธีอื่น ๆ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยตอบเพียงว่า "ไม่" เขายังอ้างถึงผลสำรวจความนิยม โดยระบุว่า "ผู้คนจำนวนมากอยากให้ผมอยู่ในตำแหน่งสมัยที่ 3" แม้จะไม่ได้ระบุตัวเลขหรือแหล่งที่มาของผลสำรวจนั้น
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกข้อจำกัดการเป็นประธานาธิบดีที่มากกว่า 2 สมัยเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะต้องได้รับคะแนนเสียง 2 ใน 3 จากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา หรือการเรียกประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญโดย 2 ใน 3 ของรัฐทั่วประเทศ จากนั้นต้องได้รับการรับรองจาก 3 ใน 4 ของรัฐทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันคือ 38 จาก 50 รัฐ
นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เช่น ไมเคิล วอลด์แมน จาก Brennan Center for Justice ชี้ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีโอกาสเกิดขึ้น แต่ทรัมป์ดูเหมือนจะไม่สนใจข้อจำกัดดังกล่าว
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์พูดถึง "สมัยที่ 3"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์พูดถึงการลงสมัครสมัยที่ 3 ในอดีตเขามักพูดถึงเรื่องนี้ในลักษณะที่ดูเหมือนเป็นการหยอกล้อหรือยั่วฝ่ายตรงข้าม เช่น ในการปราศรัยที่เนวาดาเมื่อเดือน ม.ค.2568 เขากล่าวว่าจะเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตที่ได้เป็นประธานาธิบดีไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 แต่ 3 หรือ 4 ครั้ง ก่อนจะหัวเราะและบอกว่า "ไม่จริงหรอก แค่ 2 ครั้ง"
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ทรัมป์ดูจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเขาย้ำว่า "ผมไม่ได้ล้อเล่น" และแสดงความมั่นใจว่ามี "วิธี" ที่จะหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญได้
สตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษาคนสำคัญของทรัมป์และผู้สนับสนุนตัวยง กล่าวในรายการ NewsNation เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาว่าเขามีความเชื่อมั่นว่าทรัมป์จะลงสมัครและชนะอีกครั้งในปี 2571 เขายังบอกว่า "เรากำลังหาทาง" และชี้ว่ามี ทางเลือกหลายทาง ที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ แม้จะไม่ระบุรายละเอียด
แบนนอนยังเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุค 2475 สมัย ปธน.แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัย และมากถึง 4 สมัย ก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 22 จะถูกบังคับใช้ในปี 1951
ทรัมป์ยังเคยยกย่องผู้นำต่างชาติที่สามารถอยู่ในอำนาจได้ยาวนาน เช่น สี จิ้นผิง ปธน.จีน ซึ่งเขาเรียกว่าประธานาธิบดีตลอดชีวิต และ วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่เคยสลับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อรักษาอำนาจเมื่อถูกจำกัดด้วยวาระประธานาธิบดี หรือ เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ที่กำลังหาทางเลี่ยงข้อจำกัดวาระเช่นกัน ซูซาน กลาสเซอร์ นักเขียนจาก The New Yorker ชี้ว่า "สิ่งที่น่าทึ่งคือความเต็มใจของทรัมป์ที่จะท้าทายกฎหมายและทดสอบบรรทัดฐานของการปกครอง"
ความท้าทายในการแก้รัฐธรรมนูญ
ในสภาผู้แทนราษฎร นายแอนดี โอก์ลส์ สมาชิกพรรครีพับลิกันจากเทนเนสซี ได้ยื่นร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 22 ให้อนุญาตให้ประธานาธิบดีที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันสามารถลงสมัครได้มากกว่า 2 สมัย ซึ่งจะเปิดทางให้ทรัมป์ลงสมัครในปี 2571 แต่ร่างนี้ไม่รวมถึงอดีตประธานาธิบดีอย่างบารัก โอบามา อย่างไรก็ตาม การผ่านร่างดังกล่าวต้องเผชิญอุปสรรคมหาศาล เนื่องจากต้องใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 จากทั้งสองสภา และการรับรองจาก 38 รัฐ ซึ่งไม่เคยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จเลยนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990
ฝ่ายตรงข้าม เช่น นายแดน โกลด์แมน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตแห่งนิวยอร์ก เคยพยายามผลักดันให้สภาลงมติยืนยันข้อจำกัด 2 สมัยก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 แต่ไม่สำเร็จ เขากล่าวว่า รีพับลิกันกำลังโจมตีระบบยุติธรรมเพื่อปูทางให้ทรัมป์อยู่ในตำแหน่งสมัยที่ 3 ขณะที่ นายทิม ไรอัน อดีตสมาชิกสภาจากโอไฮโอกล่าวใน CNN ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง และทรัมป์มีศักยภาพที่จะทำได้ แต่แนะนำให้เดโมแครตมุ่งเน้นไปที่ประเด็นเศรษฐกิจมากกว่านี้
ไม่ใช่เรื่องแปลก ทรัมป์กับการท้าทายกฎหมาย
การที่ทรัมป์พูดถึงตัวเองในสมัยที่ 3 ไม่ใช่เรื่องใหม่ในแง่พฤติกรรมของเขา เขามักท้าทายรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด เช่น การพยายามยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิดตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ 14 หรือการกดดัน อดีตรองปธน.ไมค์ เพนซ์ ให้ปฏิเสธผลการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งล้มเหลว นักประวัติศาสตร์ ทิม นาฟตาลี ชี้ว่า ทรัมป์ใช้ "ความกลัว" เป็นเครื่องมือในการเจรจากับทั้งในและนอกประเทศ เพื่อรักษาอำนาจและโมเมนตัมของเขาให้ยาวนานที่สุด
3 ฉากทัศน์ "ทรัมป์" นั่งทำงานในห้องทำงานรูปไข่ ครั้งที่ 3
- การตีความรัฐธรรมนูญใหม่ แบนนอนเสนอว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่ 22 ไม่ระบุคำว่า "ติดต่อกัน" จึงอาจตีความว่าทรัมป์สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้หลังเว้นวรรค แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าไม่น่าจะทำได้
- ให้แวนซ์สานต่อ โดยที่แวนซ์ลงสมัครประธานาธิบดีในปี 2571 โดยมีทรัมป์เป็นรองประธานาธิบดี แล้วลาออกให้ทรัมป์ขึ้นแทน แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 12 ห้ามบุคคลที่ไม่สามารถเป็นประธานาธิบดีได้เป็นรองประธานาธิบดี
- ขึ้นจากตำแหน่งอื่น เช่น การเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วรอให้ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีลาออก ซึ่งเป็นสมมติฐานที่ซับซ้อนและต้องอาศัยการสนับสนุนจากรีพับลิกันอย่างสมบูรณ์
แม้ทรัมป์จะเคยบอกกับนิตยสาร Time ในเดือนเม.ย.2567 ว่าผมจะอยู่แค่สมัยเดียวแล้วจากไป แต่คำพูดล่าสุดของเขา แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่ทิ้งความคิดเรื่องสมัยที่ 3 นาธาน กอนซาเลส จาก Inside Elections เตือนว่า "อย่าประเมินทรัมป์ต่ำเกินไป เขาชอบท้าทายบรรทัดฐาน" ขณะที่บางคนในพรรครีพับลิกัน เช่น วุฒิสมาชิกมาร์กเวย์น มัลลิน มองว่าเป็นแค่ "เรื่องตลก" แต่สำหรับทรัมป์ การท้าทายรัฐธรรมนูญอาจเป็นมากกว่าคำพูดขำ ๆ
แหล่งข้อมูล : NBC News, NewsNation กับ สตีฟ แบนนอน, CNN, The New Yorker, และ Politico Magazine
อ่านข่าวอื่น :
กู้ภัยนานาชาติเร่งช่วยเมียนมา หลังแผ่นดินไหวยอดตายทะลุ 2,000