วันนี้ (25 มี.ค.2568) สำนักข่าว Daily Tribune, Newsday รายงานเหตุการณ์ล่าสุด เกาหลีใต้เผชิญวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ที่ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองอุยซอง (Uiseong) และอันดง (Andong) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งเริ่มปะทุจากจุดไฟป่ากว่า 12 จุดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด วัดโกอุนซา วัดพุทธโบราณอายุกว่า 1,300 ปีในเมืองอุยซอง ถูกไฟเผาจนวอดทั้งหลังในช่วงบ่ายวันนี้ แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามปกป้องสมบัติล้ำค่าอย่างสุดความสามารถ ขณะเดียวกัน หมู่บ้านฮาฮเว หมู่บ้านมรดกโลก UNESCO ในเมืองอันดง ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ชาวบ้านได้รับคำสั่งอพยพฉุกเฉินในช่วงค่ำวันนี้ เนื่องจากไฟป่าจากอุยซองกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้อย่างน่ากลัว
รักษาการ รมว.มหาดไทยและความปลอดภัย โก กี-ดง แถลงช่วงเช้านี้ว่า ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 91,837 ไร่ (14,694 เฮกตาร์) และความเสียหายยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตัวเลขนี้ทำให้ไฟป่าครั้งนี้กลายเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ รองจากไฟป่าในเดือน เม.ย.2543 ที่เผาผลาญพื้นที่ถึง 149,456 ไร่ (23,913 เฮกตาร์)
และด้วยสภาพอากาศแห้งจัดและลมกระโชกแรง คาดเป็นตัวเร่งให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ท้องฟ้าในเมืองอุยซองถูกปกคลุมด้วยควันหนาที่ยิ่งทำให้การมองเห็นและการดับไฟยากลำบาก ผู้สื่อข่าว AFP รายงานว่าบรรยากาศในพื้นที่มีทั้งความโกลาหลและความตึงเครียด ชาวบ้านในหมู่บ้านโบราณต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนสถานที่เหล่านี้เพื่อสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ต่างตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

วัดถูกไฟป่าเผาวอด
วัดถูกไฟป่าเผาวอด
"วัด-หมู่บ้าน UNESCO" ความสูญเสียครั้งประวัติศาสตร์
วัดกาอุนซาในเมืองอุยซอง ถือเป็น 1 ในสมบัติทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิลลา เมื่อราวศตวรรษที่ 7 และเคยเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ วันนี้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์ดูแลมรดกวัฒนธรรมกยองบุกตะวันตก จู จอง-วาน เข้าพื้นที่เพื่อพยายามเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุออกจากวัด เช่น เอกสารโบราณและเครื่องใช้ในพิธีกรรม รวมถึงห่อหุ้มรูปปั้นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ด้วยผ้าทนไฟ
แต่ด้วยโครงสร้างไม้ของวัดที่เก่าแก่และแห้งสนิทจากสภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิ เปลวไฟที่พัดมาด้วยลมแรงได้เผาผลาญทุกอย่างจนไม่เหลือซาก เจ้าหน้าที่จาก Korea Heritage Service ยืนยันในช่วงบ่ายว่า
วัดกาอุนซาได้ถูกทำลายลงทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่เสาหลัก
พระ เดิง-วูน พระภิกษุในชุมชนท้องถิ่น กล่าวว่าวัดนี้ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นจิตวิญญาณของผู้คน การสูญเสียครั้งนี้เจ็บปวดเกินกว่าที่คำพูดจะอธิบายได้
ขณะเดียวกัน หมู่บ้านฮาฮเวในเมืองอันดง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ตั้งแต่ปี 2553 ด้วยบ้านเรือนโบราณที่สร้างจากไม้และดินเหนียว รวมถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม ขณะนี้ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง คำเตือนฉุกเฉินจากทางการระบุว่า ไฟป่าจากอุยซองกำลังเคลื่อนตัวมาทางหมู่บ้าน ขอให้ชาวบ้านอพยพไปยังที่ปลอดภัยโดยด่วน ทำให้ชาวบ้านกว่า 5,400 คนทั่วภูมิภาคถูกบังคับให้ทิ้งบ้านเรือน และเดินทางไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เช่น โรงเรียนประถมและโรงยิมในร่ม ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้ประสบภัย
ความสูญเสียครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า แต่ยังทำลายความหวังของชุมชนที่พึ่งพาการท่องเที่ยวจากสถานที่เหล่านี้เป็นแหล่งรายได้หลัก

เจ้าหน้าที่ใช้ผ้าคลุมพระพุทธรูป เร่งขนย้ายหนีไฟป่า
เจ้าหน้าที่ใช้ผ้าคลุมพระพุทธรูป เร่งขนย้ายหนีไฟป่า
รัฐบาลระดมสรรพกำลังคุมสถานการณ์
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 4 ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ อุยซอง อันดง ซันชอง และ อุลซาน พร้อมระดมทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อต่อสู้กับไฟป่า กระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัย รายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 6,700 นาย เฮลิคอปเตอร์ 120 ลำ รถดับเพลิง และยานพาหนะสนับสนุนนับร้อยถูกส่งไปยังจุดเกิดเหตุ
โดยเกือบร้อยละ 40 ของกำลังทั้งหมด ถูกจัดสรรไปที่เมืองอุยซอง ซึ่งเป็นจุดที่ไฟป่ารุนแรงและควบคุมได้ยากที่สุด Korea Forest Service ปรับระดับคำเตือนไฟป่าเป็น "ร้ายแรง" สูงสุดทั่วประเทศ สั่งปิดกั้นทางเข้าป่าและสวนสาธารณะทุกแห่งทั่วเกาหลีใต้ และขอให้กองทัพงดการฝึกซ้อมที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ เช่น การยิงปืนจริงหรือการใช้ระเบิดฝึกซ้อม
รักษาการรัฐมนตรี โก กี-ดง กล่าวในการประชุมภัยพิบัติว่า ลมแรง อากาศแห้ง และหมอกควันหนาทำให้การดับไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก อัตราการควบคุมไฟในอุยซองลดลงจากร้อยละ 60 เหลือ ร้อยละ 55 ในวันนี้ แม้ว่าในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมไฟป่าส่วนใหญ่ในเมืองซันชองและอุลซานได้ชั่วคราว แต่ลมที่เปลี่ยนทิศและสภาพอากาศที่ยังคงแห้งสนิททำให้ไฟป่ากลับมาปะทุซ้ำ
ชาวบ้านในเมืองอุยซองเล่าว่า ได้ยินเสียงลมแรงดังสนั่น ผสมกับกลิ่นควันที่ฟุ้งกระจาย บางครอบครัวต้องสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมควันพิษที่หนาทึบ ผู้สื่อข่าวในพื้นที่รายงานว่า ทัศนวิสัยในบางจุดลดลงเหลือไม่ถึง 50 เมตร ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และกำลังคนต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางการยังคงขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเว้นการจุดไฟในทุกกรณี เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านี้

ระดมสรรพกำลังเร่งดับไฟป่า
ระดมสรรพกำลังเร่งดับไฟป่า
จุดไฟดูแลสุสาน ต้นเพลิงไฟป่า
นายกรัฐมนตรี ฮัน ดัก-ซู กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่า ไฟป่าในอุยซองมีสาเหตุมาจากความประมาทของมนุษย์ โดยมีรายงานว่าชายคนหนึ่งจุดไฟเพื่อดูแลสุสานครอบครัวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถควบคุมไฟได้จนลุกลามกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่
ไฟป่าส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ประชาชนต้องปฏิบัติตามแนวทางป้องกันไฟป่าอย่างเคร่งครัด
พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะใช้ทุกมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ทางการยังสงสัยว่าไฟป่าในเมืองอุลซานและจุดอื่น ๆ อาจเกิดจากการเผาหญ้าแห้งในสุสานหรือประกายไฟจากการเชื่อมโลหะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูใบไม้ผลิของเกาหลีใต้
ผลกระทบจากไฟป่าครั้งนี้ รุนแรงถึงขั้นคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและข้าราชการ 4 คน ในเมืองซันชอง เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มี.ค. และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 11 คน ประชาชนกว่า 5,400 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตน อาคารเสียหายหรือถูกทำลายไปแล้วกว่า 150 หลัง
กรมอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นในแดกูและกยองซังเหนือเตือนว่าอากาศแห้งจัดและลมแรงยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสูง แม้เพียงประกายไฟเล็ก ๆ ก็อาจกลายเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ได้ในพริบตา นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ฤดูใบไม้ผลิในภูมิภาคนี้แห้งและร้อนมากขึ้น อาจมีส่วนทำให้ไฟป่ารุนแรงและควบคุมได้ยากขึ้น

เจ้าหน้าที่วัดเร่งเก็บใบไม้ ลดเชื้อเพลิงไฟป่า
เจ้าหน้าที่วัดเร่งเก็บใบไม้ ลดเชื้อเพลิงไฟป่า
อ่านข่าวอื่น :
มีผลแล้ว ราชกิจจาฯ ประกาศกฎหมายแก้ไขใหม่ "ทำโทษบุตร"
ปัดมีดีล "แพทองธาร" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปม "ทักษิณ" กลับบ้าน