ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เทียบความต่าง "บรรทัดทอง-ห้างสรรพสินค้า" ผู้เชี่ยวชาญชี้ทางรอดธุรกิจยุคใหม่

เศรษฐกิจ
25 มี.ค. 68
12:56
1,594
Logo Thai PBS
เทียบความต่าง "บรรทัดทอง-ห้างสรรพสินค้า" ผู้เชี่ยวชาญชี้ทางรอดธุรกิจยุคใหม่
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ย่านบรรทัดทอง" แหล่งรวบรวมร้านสตรีทฟู้ดชื่อดัง เป็นหมุดหมายหนึ่งของนักชิม ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และผลักดันให้กรุงเทพมหานคร ถูกจัดอันดับเป็นเมืองอาหารที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของโลกปี 2568 จากนิตยสารระดับโลก Time Out

"ย่านบรรทัดทอง" พื้นที่ตั้งแต่แยกพระราม 4 ถึงแยกเจริญผล ความยาวประมาณ 1.5-1.8 กิโลเมตร อยู่ภายใต้การจัดการของ สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) กลายเป็นพื้นที่ดึงดูดผู้ประกอบการรายใหม่ เข้าไปเปิดและจับจองทำเลแห่งนี้

แต่ในปี 2568 ความเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏชัดขึ้น เมื่อร้านค้าขนาดเล็ก ประกาศขอเซ้งพื้นที่จากผู้ประกอบการเก่าแก่ ที่เปิดมานานหลายสิบปี ประกาศปิดบ้าง ย้ายร้านออกจากพื้นที่บ้าง จนถูกตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับย่านบรรทัดทอง ทั้งที่บูมมาก

นายธนินท์รัฐ ภักดีภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจค้าปลีก อดีตผู้บริหารห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ วิเคราะห์ว่า มีหลายปัจจัย โดยเฉพาะต้นทุนที่ต้องจ่าย เทียบได้กับการเช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ขณะที่การบริหารจัดการ การทำโปรโมชันดึงดูดผู้คนของห้างสรรพสินค้า กลับมีแนวทางหลากหลายมากกว่า ทำให้หลายคนล่าถอยจากพื้นที่

นายธนินท์รัฐ เปรียบเทียบ การเช่าอาคารในย่านบรรทัดทอง กับเช้าพื้นที่ในศูนย์การค้าว่า หากเปรียบเทียบ เช่าอาคารพาณิชย์ที่เป็นสตรีทฟู้ด ย่านบรรทัดทอง กับการเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า

เช่าอาคารพาณิชย์ที่ ถ.บรรทัดทอง

1.สัญญาเช่า 3 ปี ค่าเซ้ง 1,000,000 บาท ค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท ค่าค้ำประกัน 1-3 บาท ต่อ 3 ปี ค่าตกแต่งร้าน 2,000,000 บาท ค่าน้ำ 4,500 ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าเงินเดือนพนักงาน ค่าภาษี ที่ดินและภาษีป้าย รวมเงินลงทุนก้อนแรกเข้า 3,000,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายบริหารและวัตถุดิบต่อเดือนประมาณ 100,000 บาท

2.ถ.บรรทัดทอง ไม่จัดกิจกรรมทางตลาดใดใด ปล่อยให้ร้านค้าต่อสู้ด้วยตัวเอง หรือช่วยผู้ประกอบการรานอาหารในรูปแบบใด ลูกค้าที่มาใช้บริการ ต้องเสียค่าที่จอดรถ และไม่มีมาตรการให้ส่วนลดค่าเช่า (ดิสเคานต์ สำหรับร้านค้าที่ประสบปัญหายอดขาย)

3.ลูกค้าที่ใช้บริการ เสี่ยงอุบัติเหตุของการจราจรบนถนน ที่วิ่งไปมา ไม่มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ไม่มีประกันภัยบุคคลที่ 3 สำหรับลูกค้า ไม่มีห้องสุขาบริการลูกค้า เสียค่าที่จอดรถ

เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า

1.สัญญาเช่า 3 ปี ไม่มีค่าเซ้ง มีเพียงเงินค้ำประกัน 6 เดือน ส่วนค่าตกแต่งร้านอาหาร ใกล้เคียงกัน และต้นทุน บวกค่าใช้จ่ายบริหารใกล้เคียงกัน สรุปคือเสียแค่เงินค้ำประกันเท่านั้น ไม่เสียค่าเซ้ง ซึ่งประหยัดเงินลงทุน ก้อนแรก สามารถนำเงินก้อนไปใช้หมุนเวียน Cash Flow ในกิจการ

2.จัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ตลอดทุกเดือน และทั้งปี มีกิจกรรม โปรโมชัน ลดแลกแจกแถม มีคอนเสิร์ต มีดารา มีแจกบัตรกำนัล (Gift Voucher) ฯลฯ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้า ภายในศูนย์การค้า สามารถขายสินค้าและบริการได้ตลอดเวลา กรณีร้านค้า ประสบปัญหายอดขาย สามารถเสนอขอส่วนลดค่าเช่าจากศูนย์การค้า

3.มีบริการที่จอดรถฟรี 2-3 ชั่วโมง มีประกันภัยบุคคลที่ 3 มี รปภ. มีแม่บ้าน อำนวยความสะดวกตลอดเวลา มีบริหารห้องสุขา ที่สะอาด มีแอร์ปรับอากาศเย็นฉ่ำ ไม่ร้อน

ข้อมูลเปรียบเทียบนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ประกอบการตัดสินใจ และสื่อสารถึง สำนักงานทรัพย์สินจุฬา ใช้เป็นแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร ให้สตรีตฟู้ดนี้ อยู่ต่อไปแบบยั่งยืน เป็นเสน่ห์ของกรุงเทพมหานครต่อไป

วิเคราะห์ : ธนินท์รัฐ ภักดีภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจค้าปลีก อดีตผู้บริหารห้างค้าปลีกขนาดใหญ่

อ่านข่าว : ถอดความหมายประธานสภา "ลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์" ปราม สส.

"โรม" ชี้ "แพทองธาร" ตัวการปมชั้น 14 สมคบอำนาจเก่า พา "ทักษิณ" กลับบ้าน

"ทรัมป์" ปฏิเสธไม่รู้เรื่องแชทหลุดพลาดส่งแผนรบให้นักข่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง