การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2568 เป็นหนึ่งในการประชุมสำคัญทางการเมืองที่พรรคฝ่ายค้านใช้ในการซักฟอกรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบญัตติ และก็มีบางช่วงที่เกิดการปะทะคารมระหว่างทั้งสองฝ่าย
ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ของสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นจุดสนใจในฐานะผู้ควบคุมสถานการณ์ ด้วยท่าทีเด็ดขาดและมีวุฒิภาวะ สะท้อนถึงบทบาทสำคัญที่อาจกลายเป็นภาพจำของนักการเมืองรุ่นใหม่ในสภาฯ ในการซักฟอก
การประชุมสภาฯ คืนวันที่ 24 มีนาคม เริ่มต้นด้วยการอภิปรายของฝ่ายค้านที่มุ่งโจมตีการทำงานของรัฐบาลแพทองธาร แต่สถานการณ์กลับชุลมุนเมื่อเกิดการประท้วงจากทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกรณีถ้อยคำ "กีกี้" ระหว่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมตรี และ รมว.กลาโหม กำลังตอบประเด็นชาวอุยกูร์
จนนำไปสู่การโต้เถียงในห้องประชุม นายภราดร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้นลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์เพื่อยุติความวุ่นวาย ตามอำนาจในข้อบังคับการประชุมสภาฯ พร้อมกล่าวว่า "ประชาชนอยากติดตามการอภิปรายของนายกฯ ไม่ใช่การประท้วงไปมา ขออย่าให้เรื่องไร้สาระมารกสภาแห่งนี้"
พาไปทำความรู้จักกับ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 อีกครั้ง กับเส้นทางการเมือง
อ่านข่าว : ถอดความหมายประธานสภา "ลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์"
"ภราดร" จากลูกไม้ใต้ต้นสู่ รอง ปธ.สภา คนที่ 2
ภราดร ปริศนานันทกุล หรือ "ลูกแบด" เกิดเมื่อ 18 กันยายน 2522 ที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เป็นทายาทตระกูลการเมือง บุตรชายของสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และจบระดับปริญญาตรี สาขาสถิติ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอร์ริก (Warwick University) ประเทศอังกฤษ
เส้นทางการเมืองของภราดร เริ่มต้นขึ้นเมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอ่างทอง" ในปี 2550 คู่กับบิดา (นายสมศักดิ์) และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. ต่อเนื่องอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2554 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
ในปี 2561 ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.อ่างทอง อีกสมัย พร้อมทั้งก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งโฆษกพรรค ต่อมาในปี 2563 ได้รับเลือกเป็น "ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ" รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ในสภาผู้แทนราษฎร
ภราดรเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขามุ่งหวังให้รัฐธรรมนูญมีความทันสมัยและสามารถตอบโจทย์ปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติไหนที่เขียนไว้ถึงประโยชน์ของประชาชนเรื่องนี้ แต่ด้วยเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ต้องการแก้กฎหมายเพียงแค่มาตราเดียวเท่านั้นคือ ม.256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น แม้รู้ว่าไม่สามารถทำได้จริงทั้ง 100% แต่ก็ต้องยอมแลกเปลี่ยน
เขายังกล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับ "รัฐสวัสดิการ" หากต้องการให้ประชาชนได้รับสวัสดิการอย่างสมบูรณ์ แต่ต้องแลกมาด้วยการเก็บภาษี แม้การภาษีจะยึดหลักการ "มีมากจ่ายมาก มีน้อยจ่ายน้อย" แต่คุณภาพชีวิตที่มีความเท่าเทียมกันทั้งด้านการศึกษา การเข้าถึงสาธารณสุข และการเข้าถึงแหล่งทุน คนทุกคนควรเข้าถึง
นอกจากนี้ ภราดร ยังมองว่า การทำการเมืองในชีวิตจริงนั้นช่างแตกต่างกับการเมืองในตำราที่ในตำราจะแบ่งสัดส่วน แบ่งหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งอย่างชัดเจน แต่เมื่อย้อนมาดูในชีวิตจริง พบว่าเป็น "คนละเรื่อง" ในสายตาของชาวบ้านในต่างจังหวัด มักมองว่า สส. คือเทวดา ต้องแก้ไขทุกปัญหาให้กับพวกเขาได้ แต่ด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ตนมองว่าได้ลดทอนอำนาจของ สส. ไป และส่งผลให้การแก้ปัญหาให้ประชาชนนั้นไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควร
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 นายกฯ แพทองธาร ครั้งนี้ทำให้ชื่อของนายภราดร ในฐานะ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ถูกพูดถึงกับการควบคุมสถานการณ์ในการอภิปราย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลให้อยู่ในกรอบ เหตุการณ์นี้จึงจะถูกบันทึกไว้ในช่วงเวลาของการเมืองไทยอย่างไม่อาจมองข้าม
อ่านข่าว : เหลืออีกกี่ชั่วโมง ศึกซักฟอก "แพทองธาร"