วันนี้ (24 มี.ค.2568) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับผลกระทบการแพร่ระบาดของ "ปลาหมอคางดำ" โดยระบุว่า ประชาชนในพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกว่า 520,000 คน กินพื้นที่ 76 อำเภอใน 19 จังหวัด กำลังเชิญวิกฤตอย่างหนัก ขณะที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศไทย 17,915 แห่งทั่วประเทศกำลังได้รับผลกระทบโดยตรง สร้างความเสียหายต่ออาชีพและความมั่นคงในชีวิตจนเกษตรกรไม่สามารถไปต่อได้ โดยขณะนี้ประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ที่ 26,432 ล้านบาทต่อปี ซึ่งยังไม่รวมตัวเลขขาดดุลทางการค้าที่นำเข้าสัตว์น้ำจากต่างประเทศในทุกๆ ปี
ขณะที่หน่วยงานภาครัฐปล่อยให้แหล่งน้ำธรรมชาติมีแต่ปลาหมอคางดำ แต่กลับบอกให้เกษตรกรป้องกันให้รัดกุม โดยเกษตรกรไม่สามารถใช้น้ำจากก๊อกมาเติมในบ่อหลายร้อยไร่ได้ จึงต้องลงทุนหลักหมื่นหลักแสนบาทปล่อยน้ำจากธรรมชาติเข้าบ่อ แต่มีปลาหมอคางดำเล็ดลอดเข้าไปจนสร้างความเสียหาย นำมาสู่การตั้งคำถามว่าสิ่งหน่วยงานภาครัฐทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรการหรือการอนุมัติเงิน มาถูกทิศถูกทางแล้วหรือไม่

นายณัฐชา ยกตัวอย่างเหตุการณ์เทียบเคียงกับกรณีปลาหมอคางดำ โดยกล่าวถึงเหตุการณ์เรือน้ำตาลล่มที่ จ.อ่างทอง ในปี 2550 ที่ทำให้น้ำตาลจำนวนมากตกลงไปในแม่น้ำเป็นระยะทาง 12 กม.นับจากจุดเรือน้ำตาลล่ม ทำให้ปลาในแม่น้ำลำคลองตายเพราะขาดออกซิเจน และส่งผลกระทบกับประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ ทั้งผู้ที่หาปลาในแหล่งน้ำเพื่อนำไปขาย รวมถึงผู้เลี้ยงปลาในกระชังบริเวณนั้น ทำให้ขาดรายได้และบางคนถึงขั้นเปลี่ยนอาชีพ
"กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเอกชนรายเล็ก ซึ่งหน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่นและระดับประเทศรวม 6 หน่วยงานได้จับมือกันออกไปต่อสู่เพื่อประชาชน โดยใช้กลไกของกฎหมายฟ้องร้องเอกชนจนสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ทั้งหมด เป็นการแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินแม้แต่บาทเดียว และจนถึงวันนี้บริษัทที่อยู่ในคำฟ้องยังต้องปล่อยปลาเพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับธรรมชาติ นี่คือสิ่งที่หน่วยงานภาครัฐต้องทำ ปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน"
สส.พรรคประชาชน กล่าวย้ำว่า กรณีปลาหมอคางดำ ประชาชนต้องรับชะตากรรมและแบกรับผ่านเงื่อนไขภาษีจากการอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลไปช่วยเหลือประชาชน แต่ไม่มีการตามล่าหาความจริง ซึ่งผ่านมาแล้ว 2 รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยที่ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีการคลอดงบฯ 450 ล้านบาท เป็นการอนุมัติเพียงกรองวงเงิน แต่ให้กรมประมงหาเงินเอง และล่าสุดทราบว่าจะอนุมัติงบอีก 98 ล้านบาทที่เปรียบเหมือนซื้อยาพาราไปรักษาโรคมะเร็ง หากไม่แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดก็จะไม่สามารถหาทางออกในเรื่องนี้ได้

นอกจากนี้การออกมาตรการของรัฐบาล ทั้งการจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำที่สุดท้ายเป็นเพียง CSR (กิจกรรมเพื่อสังคม) ให้กับบริษัทเอกชน, ปล่อยปลานักล่าไปกินปลาหมอคางดำ, การนำปลาหมอคางดำไปใช้ประโยชน์ แต่ทำได้ไม่ทันกับอัตราการเกิด, เฝ้าระวังการแพร่ระบาด แต่คนที่ลำบากที่สุดคือเกษตรกร รวมถึงมาตรการสร้างความตระหนักรู้ให้กับเกษตรกร แต่ขณะนี้ชาวบ้านรู้มากกว่าคนที่สร้างมาตรการ ขณะที่การวิจัยหาแนวทางแก้ไขและการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ยังเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้และไม่รู้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องเผชิญ
หากย้อนไปดูเหตุการณ์ที่คล้ายกัน ต้องเริ่มจากความกล้าหาญของรัฐบาล เริ่มจากการหาตัวผู้กระทำความผิดในลำดับแรกและนำเงินทั้งหมดมาชดเชยเยียวยาให้เกษตรกร นำมาใช้จ่ายในการแก้ปัญหาเรื่องนี้
นอกจากนี้ นายณัฐชา ยังกล่าวถึงรายงานผลการศึกษาปลาหมอคางดำของคณะกรรมาธิการ อว. ที่จัดทำและนำเสนอในสภาฯ ไปก่อนหน้านี้ โดยพบหลักฐานสำคัญว่ามีเอกชนรายเดียวขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำ ทั้งนี้มีการผ่านรายงานดังกล่าวเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่นายกฯ แพทองธาร ไม่ได้นำรายงานฉบับนี้ไปบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
อ่านข่าว
ฝ่ายค้านซักฟอกปมหุ้นอัลไพน์ ชี้นายกฯ ต้องคืนที่ดินวัด
"วิโรจน์" ตั้งคำถามนายกฯ หนีภาษีเอาเปรียบปชช. ออกตั๋ว PN ให้เครือญาติ
"ตั๋วพีเอ็น" คืออะไร "วิโรจน์"จุดประเด็นอภิปรายนายกฯแพทองธาร