เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2568 CNN รายงาน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงออกจากโรงพยาบาลเจเมลลีในกรุงโรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 มี.ค.) หลังเข้ารับการรักษานาน 5 สัปดาห์จากอาการปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง ทรงกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านพักคาซา ซานตา มาร์ตา ในวาติกัน ซึ่งแพทย์ระบุว่าพระองค์ต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 2 เดือนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ การออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังพระองค์ทรงปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ โดยโบกมือและยกนิ้วโป้งให้กำลังใจจากระเบียงโรงพยาบาล
แม้สมเด็จพระสันตะปาปาจะยังดูอ่อนแรงและมีปัญหาในการพูด แต่พระองค์ยังทรงกล่าวขอบคุณฝูงชนที่มารอด้านนอกโรงพยาบาล ทรงสังเกตเห็นหญิงคนหนึ่งที่ถือดอกไม้และทรงให้พร แม้ว่าจะยกแขนได้ลำบาก
ก่อนกลับบ้านพัก พระองค์ทรงแวะที่มหาวิหารซานตา มาเรีย มัจโจเร เพื่อถวายดอกไม้แด่รูปเคารพพระแม่มารี "Salus Populi Romani" ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์มักเสด็จไป หลังการรักษาตัวในโรงพยาบาล
สมเด็จพระสันตะปาปาวัย 88 ปีทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลีตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. เริ่มแรกด้วยอาการติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง ก่อนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นการติดเชื้อหลายชนิดที่พัฒนาไปสู่ปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง ทีมแพทย์ระบุเมื่อวันเสาร์ว่า (22 มี.ค.) อาการของพระองค์ดีขึ้นและคงที่แล้ว จึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่วาติกันได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 38 วันของการรักษา มีเหตุการณ์วิกฤต 2 ครั้งที่ชีวิตของพระองค์ตกอยู่ในอันตราย ดร.เซอร์จิโอ อัลเฟียรี หัวหน้าทีมแพทย์ กล่าวว่าการพักฟื้น 2 เดือนนี้ "สำคัญมาก" และพระองค์ควรค่อย ๆ กลับมาทำงาน โดยหลีกเลี่ยงการพบปะกลุ่มใหญ่ไปก่อน

ในช่วงรักษาตัว สมเด็จพระสันตะปาปาทรงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำและออกซิเจนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ดร.ลุยจิ คาร์โบเน รองผู้อำนวยการบริการสุขภาพวาติกัน กล่าวว่า เสียงของพระองค์ดีขึ้นแต่ยังต้องฟื้นฟูต่อ และถึงแม้จะหายจากปอดอักเสบแล้ว พระองค์ยังต้องรักษาการติดเชื้ออื่น ๆ ต่อไป คาร์โบเนเผยว่า พระสันตะปาปาทรงมีกำลังใจที่ดีและขอออกจากโรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว แต่ยังต้องทำกายภาพบำบัดและรักษาต่อที่บ้านพัก
ถึงแม้จะเผชิญปัญหาสุขภาพปอดมานาน สมเด็จพระสันตะปาปายังทรงแสดงความมุ่งมั่นในการฟื้นตัว โดยกลับมาทำงานบางส่วนและลงนามในเอกสารต่าง ๆ เดือนนี้ พระองค์ทรงอนุมัติกระบวนการปฏิรูปคริสตจักรคาทอลิก 3 ปี รวมถึงการให้บทบาทผู้หญิงมากขึ้น เช่น การแต่งตั้งเป็นมัคนายก และเพิ่มการมีส่วนร่วมของฆราวาสในการตัดสินใจ
มีข้อความที่พระองค์ตรัสว่า "ในช่วงรักษาตัวนานนี้ ผมได้สัมผัสถึงความอดทนของพระเจ้า ซึ่งสะท้อนผ่านการดูแลของแพทย์และความหวังของญาติผู้ป่วย" พระองค์ยังทรงแสดงความเสียใจต่อการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในฉนวนกาซา เรียกร้องให้ยุติอาวุธและเจรจาสันติภาพเพื่อปล่อยตัวประกันและหยุดยิงอย่างถาวร
การออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจากผู้คนทั่วโลก คาร์ดินัล วิกเตอร์ มานูเอล เฟร์นานเดซ ผู้ช่วยใกล้ชิด กล่าวว่า การรักษาครั้งนี้น่าจะทำให้พระสันตะปาปาทรงไตร่ตรอง และอาจนำไปสู่ "ช่วงใหม่" ในชีวิตของพระองค์ แม้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหลังกลับวาติกัน แต่เฟร์นานเดซเชื่อว่า พระองค์จะยังสร้างเซอร์ไพรส์ให้โลกได้ต่อไป
อ่านข่าวอื่น :
"สส.ณัฐชา" จวกรัฐแก้ "ปลาหมอคางดำ" ต้องกล้าหาคนทำผิดลำดับแรก
"อิทธิพล" อภิปรายปมคดีเหมืองทองอัครา ชี้เอื้อ "พล.อ.ประยุทธ์" พ้นผิด