ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

8 ปีซ้อน! ฟินแลนด์ครองที่ 1 ความสุขโลก สหรัฐฯ ต่ำสุดอับดับ 24

ต่างประเทศ
21 มี.ค. 68
13:01
193
Logo Thai PBS
8 ปีซ้อน! ฟินแลนด์ครองที่ 1 ความสุขโลก สหรัฐฯ ต่ำสุดอับดับ 24
สหรัฐอเมริกาตกอันดับต่ำสุดในประวัติการณ์ที่ 24 ในรายงานความสุขโลก 2025 ขณะที่ฟินแลนด์ครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน สะท้อนความแตกแยกของความสุขและความไว้วางใจทางสังคมทั่วโลก ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับ 49 และมี 10 ประเทศที่ความสุขน้อยที่สุดปิดท้ายรายงาน

วันนี้ (21 มี.ค.2568) สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ด้าน "ความสุข" โดยรั้งอันดับที่ 24 ในรายงานความสุขโลก (World Happiness Report) ประจำปี 2568 ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำสุดเท่าที่เคยบันทึกมาในประวัติศาสตร์ของรายงานฉบับนี้ หลังจากหลุดจาก 20 อันดับแรกเมื่อปีที่แล้ว

อิลานา รอน-เลวีย์ กรรมการผู้จัดการของ Gallup ชี้ว่า การลดลงของความสุขในสหรัฐฯ มีสาเหตุสำคัญมาจากคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี รู้สึกแย่ลงเกี่ยวกับชีวิตของตนเองอย่างมาก พวกเขารายงานว่า รู้สึกได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนและครอบครัวน้อยลง มีเสรีภาพในการตัดสินใจชีวิตจำกัด และมองอนาคตด้านมาตรฐานการครองชีพในแง่ลบมากขึ้น

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ความไว้วางใจในสังคมและสถาบันต่าง ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งกลายเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดความแตกแยกทางการเมือง การประท้วงต่อต้านระบบ และการลงคะแนนเลือกตั้งที่สะท้อนความไม่พอใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

ปัญหาความสุขที่ลดลงไม่ได้จำกัดอยู่แค่สหรัฐฯ เท่านั้น ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษอื่น ๆ ก็เผชิญสถานการณ์คล้ายกัน สหราชอาณาจักรอยู่อันดับ 23 โดยมีคะแนนการประเมินชีวิตเฉลี่ยต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมที่รุมเร้า

ขณะที่แคนาดา ซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มผู้นำด้านความสุข อยู่อันดับ 18 ในปีนี้ แม้จะยังติด 20 อันดับแรก แต่ก็เผชิญกับแนวโน้มความสุขที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รายงานฉบับนี้ระบุว่า ความซับซ้อนของตัวแปรที่ส่งผลต่อความสุข เช่น GDP ต่อหัว การสนับสนุนทางสังคม และการรับรู้ถึงการทุจริต ล้วนมีส่วนทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างประเทศที่เจริญแล้วและกำลังพัฒนา

ในทางตรงกันข้าม "ฟินแลนด์" ยังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน โดยมีคะแนนนำหน้าคู่แข่งอย่างเดนมาร์ก (อันดับ 2) ไอซ์แลนด์ (อันดับ 3) และสวีเดน (อันดับ 4) ซึ่งทั้งหมดยังคงรักษาลำดับเดิมจากปีที่แล้ว ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น นอร์เวย์ตามมาในอันดับที่ 7

"ไว้ใจ-สามัคคี" ฟินแลนด์ครองแชมป์ความสุขโลก

ความสำเร็จของกลุ่มประเทศนอร์ดิกนี้ ได้รับการยกย่องจากระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่งและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงสาธารณสุขที่มีคุณภาพสูง การศึกษาฟรี และการสนับสนุนทางสังคมที่ทั่วถึง รวมถึงระดับความเหลื่อมล้ำด้านความเป็นอยู่ที่ต่ำมาก อิลานา รอน-เลวีย์ อธิบายว่าประเทศนอร์ดิกอย่าง "ฟินแลนด์" ยังคงได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาเพื่อดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม

จอห์น เฮลลิเวลล์ บรรณาธิการผู้ก่อตั้งรายงานและศาสตราจารย์กิตติคุณด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย กล่าวเสริมว่า ความไว้วางใจและพฤติกรรมของประชาชนมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ระบบสวัสดิการ เขายกตัวอย่างว่า การมีรัฐสวัสดิการ ไม่ได้ช่วยตามหาและคืนกระเป๋าสตางค์ที่หายไปให้เจ้าของ แต่ความเอื้อเฟื้อและใส่ใจต่อกันในสังคมต่างหาก ที่ช่วยให้กระเป๋าสตางค์กลับคืนสู่เจ้าของ

นอกจากนี้ เฮลลิเวลล์ยังชี้ว่า ความสามัคคีที่เกิดจากประวัติศาสตร์ เช่น สงครามฤดูหนาว (Winter War) ปี 2482-2483 ระหว่างฟินแลนด์และสหภาพโซเวียต ซึ่งถึงแม้ฟินแลนด์จะไม่ชนะ แต่กลับสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวและความไว้วางใจในหมู่ประชาชนที่ยังคงส่งผลดีมาถึงปัจจุบัน รวมถึงทัศนคติที่ไม่หมกมุ่นกับวัตถุนิยมและการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่าสิ่งของ ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้ฟินแลนด์ครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง

รายงานความสุขโลกฉบับนี้จัดทำจากข้อมูล Gallup World Poll ซึ่งสำรวจความเห็นจากผู้คนในกว่า 140 ประเทศ โดยวัดความสุขจากคะแนนการประเมินชีวิตโดยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) และวิเคราะห์ผ่าน 6 ตัวแปรหลัก ได้แก่ GDP ต่อหัว, การสนับสนุนทางสังคม, อายุขัยที่มีสุขภาพดี, เสรีภาพในการเลือกชีวิต, ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, และการรับรู้ถึงการทุจริตในสังคม

รายงานนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Gallup, Oxford Wellbeing Research Centre, UN Sustainable Development Solutions Network และคณะบรรณาธิการ เผยแพร่เพื่อเฉลิมฉลองวันสหประชาชาติว่าด้วยความสุขสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มี.ค. ของทุกปี

นอกเหนือจากความสำเร็จของกลุ่มนอร์ดิกแล้ว รายงานปี 2568 ยังเผยความก้าวหน้าที่น่าสนใจของ 2 ประเทศจากภูมิภาคละตินอเมริกา คอสตาริกาคว้าอันดับ 6 และเม็กซิโกก้าวสู่อันดับ 10 ซึ่งทั้งคู่ติด 10 อันดับแรกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายงาน รอน-เลวีย์ อธิบายว่า ความสำเร็จนี้เกิดจาก "เครือข่ายสังคมที่แข็งแกร่ง" รวมถึงการมองโลกในแง่ดีต่อทิศทางของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในผู้นำและสถาบันต่าง ๆ ของทั้ง 2 ประเทศ 

20 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก 2568

  1. ฟินแลนด์
  2. เดนมาร์ก
  3. ไอซ์แลนด์
  4. สวีเดน
  5. เนเธอร์แลนด์
  6. คอสตาริกา
  7. นอร์เวย์
  8. อิสราเอล
  9. ลักเซมเบิร์ก
  10. เม็กซิโก
  11. ออสเตรเลีย
  12. นิวซีแลนด์
  13. สวิตเซอร์แลนด์
  14. เบลเยียม
  15. ไอร์แลนด์
  16. ลิทัวเนีย
  17. ออสเตรีย
  18. แคนาดา
  19. สโลวีเนีย
  20. สาธารณรัฐเช็ก

สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่าอยู่อันดับที่ 49 จากทั้งหมด 143 ประเทศ ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง และนับเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ (อันดับ 34) และเวียดนาม (อันดับ 46) ตามข้อมูลที่ปรากฏในโพสต์บน X ความสุขของไทยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชนที่แน่นแฟ้น แต่ยังถูกจำกัดด้วยความท้าทาย เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง

ในอีกด้านหนึ่ง รายงานยังเปิดเผย 10 ประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดในโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่เผชิญกับความขัดแย้ง ความยากจน และความไม่มั่นคงทางการเมืองอย่างรุนแรง ดังนี้

  • เลโซโท (อันดับที่ 138)
  • คอโทโรส (อันดับที่ 139)
  • เยเมน (อันดับที่ 140)
  • สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (อันดับที่ 141)
  • บอตสวานา (อันดับที่ 142)
  • ซิมบับเว (อันดับที่ 143)
  • มาลาวี (อันดับที่ 144)
  • เลบานอน (อันดับที่ 145)
  • เซียร์ราลีโอน (อันดับที่ 146)
  • อัฟกานิสถาน (อันดับที่ 147)

เฮลลิเวลล์เสนอแนะแนวทางเพิ่มความสุขที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ว่า "จงมองคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน หรือคนแปลกหน้าบนถนน ด้วยมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น" เขาแนะนำให้ลดการพูด พูดน้อยลง ฟังมากขึ้น และละทิ้งความคิดลบ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การขับรถ การสนทนาทางการเมือง หรือแม้แต่การมีปฏิสัมพันธ์ในชุมชน ส่งผลให้เกิดความร่วมมือและความสุขที่เพิ่มขึ้นในสังคม

เขาย้ำว่า ความคิดลบเป็นพิษต่อความสุข และการปรับทัศนคติอาจเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งในระดับบุคคลและระดับชาติ

อ่านข่าวอื่น :

วงการบันเทิงสูญเสีย "สีดา พัวพิมล" นักแสดงมากฝีมือ อายุ 70 ปี

สภาผู้บริโภคค้าน Co-Payment ร่วมจ่ายค่ารักษา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง