วันนี้ (21 มี.ค.2568) สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ด้าน "ความสุข" โดยรั้งอันดับที่ 24 ในรายงานความสุขโลก (World Happiness Report) ประจำปี 2568 ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำสุดเท่าที่เคยบันทึกมาในประวัติศาสตร์ของรายงานฉบับนี้ หลังจากหลุดจาก 20 อันดับแรกเมื่อปีที่แล้ว
อิลานา รอน-เลวีย์ กรรมการผู้จัดการของ Gallup ชี้ว่า การลดลงของความสุขในสหรัฐฯ มีสาเหตุสำคัญมาจากคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี รู้สึกแย่ลงเกี่ยวกับชีวิตของตนเองอย่างมาก พวกเขารายงานว่า รู้สึกได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนและครอบครัวน้อยลง มีเสรีภาพในการตัดสินใจชีวิตจำกัด และมองอนาคตด้านมาตรฐานการครองชีพในแง่ลบมากขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ความไว้วางใจในสังคมและสถาบันต่าง ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งกลายเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดความแตกแยกทางการเมือง การประท้วงต่อต้านระบบ และการลงคะแนนเลือกตั้งที่สะท้อนความไม่พอใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
ปัญหาความสุขที่ลดลงไม่ได้จำกัดอยู่แค่สหรัฐฯ เท่านั้น ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษอื่น ๆ ก็เผชิญสถานการณ์คล้ายกัน สหราชอาณาจักรอยู่อันดับ 23 โดยมีคะแนนการประเมินชีวิตเฉลี่ยต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมที่รุมเร้า
ขณะที่แคนาดา ซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มผู้นำด้านความสุข อยู่อันดับ 18 ในปีนี้ แม้จะยังติด 20 อันดับแรก แต่ก็เผชิญกับแนวโน้มความสุขที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รายงานฉบับนี้ระบุว่า ความซับซ้อนของตัวแปรที่ส่งผลต่อความสุข เช่น GDP ต่อหัว การสนับสนุนทางสังคม และการรับรู้ถึงการทุจริต ล้วนมีส่วนทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างประเทศที่เจริญแล้วและกำลังพัฒนา
ในทางตรงกันข้าม "ฟินแลนด์" ยังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน โดยมีคะแนนนำหน้าคู่แข่งอย่างเดนมาร์ก (อันดับ 2) ไอซ์แลนด์ (อันดับ 3) และสวีเดน (อันดับ 4) ซึ่งทั้งหมดยังคงรักษาลำดับเดิมจากปีที่แล้ว ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น นอร์เวย์ตามมาในอันดับที่ 7
"ไว้ใจ-สามัคคี" ฟินแลนด์ครองแชมป์ความสุขโลก
ความสำเร็จของกลุ่มประเทศนอร์ดิกนี้ ได้รับการยกย่องจากระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่งและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงสาธารณสุขที่มีคุณภาพสูง การศึกษาฟรี และการสนับสนุนทางสังคมที่ทั่วถึง รวมถึงระดับความเหลื่อมล้ำด้านความเป็นอยู่ที่ต่ำมาก อิลานา รอน-เลวีย์ อธิบายว่าประเทศนอร์ดิกอย่าง "ฟินแลนด์" ยังคงได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาเพื่อดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม
จอห์น เฮลลิเวลล์ บรรณาธิการผู้ก่อตั้งรายงานและศาสตราจารย์กิตติคุณด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย กล่าวเสริมว่า ความไว้วางใจและพฤติกรรมของประชาชนมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ระบบสวัสดิการ เขายกตัวอย่างว่า การมีรัฐสวัสดิการ ไม่ได้ช่วยตามหาและคืนกระเป๋าสตางค์ที่หายไปให้เจ้าของ แต่ความเอื้อเฟื้อและใส่ใจต่อกันในสังคมต่างหาก ที่ช่วยให้กระเป๋าสตางค์กลับคืนสู่เจ้าของ
นอกจากนี้ เฮลลิเวลล์ยังชี้ว่า ความสามัคคีที่เกิดจากประวัติศาสตร์ เช่น สงครามฤดูหนาว (Winter War) ปี 2482-2483 ระหว่างฟินแลนด์และสหภาพโซเวียต ซึ่งถึงแม้ฟินแลนด์จะไม่ชนะ แต่กลับสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวและความไว้วางใจในหมู่ประชาชนที่ยังคงส่งผลดีมาถึงปัจจุบัน รวมถึงทัศนคติที่ไม่หมกมุ่นกับวัตถุนิยมและการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่าสิ่งของ ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้ฟินแลนด์ครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง
รายงานความสุขโลกฉบับนี้จัดทำจากข้อมูล Gallup World Poll ซึ่งสำรวจความเห็นจากผู้คนในกว่า 140 ประเทศ โดยวัดความสุขจากคะแนนการประเมินชีวิตโดยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) และวิเคราะห์ผ่าน 6 ตัวแปรหลัก ได้แก่ GDP ต่อหัว, การสนับสนุนทางสังคม, อายุขัยที่มีสุขภาพดี, เสรีภาพในการเลือกชีวิต, ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, และการรับรู้ถึงการทุจริตในสังคม
รายงานนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Gallup, Oxford Wellbeing Research Centre, UN Sustainable Development Solutions Network และคณะบรรณาธิการ เผยแพร่เพื่อเฉลิมฉลองวันสหประชาชาติว่าด้วยความสุขสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มี.ค. ของทุกปี
นอกเหนือจากความสำเร็จของกลุ่มนอร์ดิกแล้ว รายงานปี 2568 ยังเผยความก้าวหน้าที่น่าสนใจของ 2 ประเทศจากภูมิภาคละตินอเมริกา คอสตาริกาคว้าอันดับ 6 และเม็กซิโกก้าวสู่อันดับ 10 ซึ่งทั้งคู่ติด 10 อันดับแรกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายงาน รอน-เลวีย์ อธิบายว่า ความสำเร็จนี้เกิดจาก "เครือข่ายสังคมที่แข็งแกร่ง" รวมถึงการมองโลกในแง่ดีต่อทิศทางของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในผู้นำและสถาบันต่าง ๆ ของทั้ง 2 ประเทศ

20 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก 2568
- ฟินแลนด์
- เดนมาร์ก
- ไอซ์แลนด์
- สวีเดน
- เนเธอร์แลนด์
- คอสตาริกา
- นอร์เวย์
- อิสราเอล
- ลักเซมเบิร์ก
- เม็กซิโก
- ออสเตรเลีย
- นิวซีแลนด์
- สวิตเซอร์แลนด์
- เบลเยียม
- ไอร์แลนด์
- ลิทัวเนีย
- ออสเตรีย
- แคนาดา
- สโลวีเนีย
- สาธารณรัฐเช็ก
สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่าอยู่อันดับที่ 49 จากทั้งหมด 143 ประเทศ ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง และนับเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ (อันดับ 34) และเวียดนาม (อันดับ 46) ตามข้อมูลที่ปรากฏในโพสต์บน X ความสุขของไทยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชนที่แน่นแฟ้น แต่ยังถูกจำกัดด้วยความท้าทาย เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง
ในอีกด้านหนึ่ง รายงานยังเปิดเผย 10 ประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดในโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่เผชิญกับความขัดแย้ง ความยากจน และความไม่มั่นคงทางการเมืองอย่างรุนแรง ดังนี้
- เลโซโท (อันดับที่ 138)
- คอโทโรส (อันดับที่ 139)
- เยเมน (อันดับที่ 140)
- สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (อันดับที่ 141)
- บอตสวานา (อันดับที่ 142)
- ซิมบับเว (อันดับที่ 143)
- มาลาวี (อันดับที่ 144)
- เลบานอน (อันดับที่ 145)
- เซียร์ราลีโอน (อันดับที่ 146)
- อัฟกานิสถาน (อันดับที่ 147)

เฮลลิเวลล์เสนอแนะแนวทางเพิ่มความสุขที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ว่า "จงมองคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน หรือคนแปลกหน้าบนถนน ด้วยมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น" เขาแนะนำให้ลดการพูด พูดน้อยลง ฟังมากขึ้น และละทิ้งความคิดลบ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การขับรถ การสนทนาทางการเมือง หรือแม้แต่การมีปฏิสัมพันธ์ในชุมชน ส่งผลให้เกิดความร่วมมือและความสุขที่เพิ่มขึ้นในสังคม
เขาย้ำว่า ความคิดลบเป็นพิษต่อความสุข และการปรับทัศนคติอาจเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งในระดับบุคคลและระดับชาติ
อ่านข่าวอื่น :
วงการบันเทิงสูญเสีย "สีดา พัวพิมล" นักแสดงมากฝีมือ อายุ 70 ปี