หัวเราะดียังไง ?
การหัวเราะไม่ใช่แค่การแสดงออกเมื่อเจอเรื่องตลก แต่เป็นกลไกธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจในระดับลึกซึ้ง ตามข้อมูลจาก Mayo Clinic ศูนย์วิจัยทางการแพทย์ชั้นนำของสหรัฐฯ ระบุว่า การหัวเราะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความรู้สึกมีความสุข พร้อมกันนั้นยังลดระดับคอร์ติซอล ฮอร์โมนแห่งความเครียดที่หากสูงเกินไปจะทำร้ายร่างกาย เช่น ทำให้ความดันโลหิตสูงหรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
นอกจากนี้ งานวิจัยจาก Journal of Neuroscience ในปี 2017 พบว่าการหัวเราะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Natural Killer Cells ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ช่วยกำจัดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้น การหัวเราะยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในร่างกาย ทำให้หัวใจและปอดทำงานดีขึ้น เทียบได้กับการออกกำลังกายเบา ๆ
ดร.ลี เบิร์ก นักวิจัยจาก Loma Linda University ยังระบุว่าการหัวเราะเพียง 5-10 นาที ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นต้นตอของโรคเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวานและโรคข้ออักเสบ ส่วนด้านจิตใจ การหัวเราะช่วยคลายความวิตกกังวลและปรับมุมมองต่อปัญหาให้ดีขึ้น American Psychological Association (APA) รายงานว่า คนที่หัวเราะบ่อยมีแนวโน้มจัดการความเครียดได้ดีกว่า และมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลงถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยยิ้ม
หัวเราะแค่ไหนเรียกว่าพอดี ?
ไม่จำเป็นต้องหัวเราะทั้งวันเพื่อให้ได้ประโยชน์ ดร.ลี เบิร์ก ศึกษาเรื่องนี้มากว่า 20 ปี บอกว่าการหัวเราะเพียง 5-15 นาที/วัน แต่ขอให้ทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวก ความดันโลหิตลดลง 2-5 มม.ปรอท อัตราการเต้นของหัวใจสมดุลขึ้น และระดับความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่จะเริ่มกระบวนการ รีเซ็ตระบบประสาทให้ผ่อนคลาย และถ้าได้ถึง 10-15 นาที ผลดีจะยิ่งชัดเจน เช่น การนอนหลับดีขึ้นและอาการปวดเรื้อรังลดลง
งานวิจัยจาก Journal of Behavioral Medicine ยังแนะนำว่า "ความถี่สำคัญกว่าความยาว" ถ้าคุณหัวเราะสั้น ๆ หลายครั้งใน 1 วัน (เช่น ครั้งละ 1-2 นาที รวมกัน 5-10 นาที) ร่างกายจะได้รับประโยชน์สะสมมากกว่าการหัวเราะนานครั้งเดียวแล้วหยุดไปเลย ดังนั้น ถ้าอยากให้ได้ผลดีที่สุด ลองตั้งเป้าไว้ที่วันละ 5 นาทีเป็นขั้นต่ำ แล้วค่อย ๆ เพิ่มตามความสะดวก

เราสร้างเสียงหัวเราะให้ตัวเองและเพื่อน ๆ ได้อย่างไร ?
การหัวเราะไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องรอให้มีเรื่องตลกมากระตุ้น วิธีง่าย ๆ คือดูคลิปตลกสั้น ๆ บนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, TikTok หรือ X ที่ใช้เวลาไม่เกิน 2-3 นาทีก็ทำให้คุณหัวเราะได้แล้ว หรือลองค้นคำว่า "Funny animal videos" หรือ "Thai comedy clips" รับรองว่าฮาแตก!
อีกวิธีหนึ่งคือ ลองชวนเพื่อน ๆ หรือครอบครัวมาเล่าเรื่องขำ ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กลายเป็นเรื่องตลก หรือจัดวงนั่งคุยแบบสบาย ๆ พร้อมของว่าง
ถ้าอยากลองอะไรใหม่ ๆ "โยคะหัวเราะ" (Laughter Yoga) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ วิธีนี้เริ่มจากการแกล้งหัวเราะแบบไม่ต้องมีเหตุผล ซึ่งวารสาร Indian Journal of Psychiatry ยืนยันว่าช่วยลดความเครียดและเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือดได้จริง เริ่มจากนั่งเป็นวงแล้วหัวเราะ "โฮะ โฮะ ฮะ ฮะ" ไปพร้อมกัน แรก ๆ อาจรู้สึกฝืน ๆ หน่อย แต่ไม่นานก็จะกลายเป็นการหัวเราะจริง ๆ ที่ติดต่อกันได้
สำหรับกลุ่มเพื่อน ลองจัดกิจกรรมสนุก ๆ เช่น เล่นเกมทายคำใบ้หรือเกมบอร์ดที่เน้นความฮา ดูหนังคอมเมดี้ด้วยกัน ก็เป็นอีกทางที่ทำให้หัวเราะได้ทั้งกลุ่ม หรือถ้าอยู่คนเดียว ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกแล้วหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ฟังดูแปลกแต่ได้ผลเกินคาด
หัวเราะแล้วหายเจ็บป่วยจริงหรือ ?
การหัวเราะไม่ได้รักษาโรคขั้นรุนแรงให้หายขาดได้ในทันที แต่ช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้จริง งานวิจัยจาก New England Journal of Medicine พบว่า คนที่หัวเราะบ่อยมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดน้อยลงร้อยละ 13-15 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เครียดตลอดเวลา เพราะการหัวเราะช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ดร.ไมเคิล มิลเลอร์ หัวหน้าทีมวิจัย ระบุว่า การหัวเราะ 15 นาที มีผลต่อหลอดเลือดเทียบเท่ากับการเดินเร็ว 30 นาที
ด้านอาการปวดเรื้อรัง ดร.วิลเลียม ฟราย จาก Stanford University ผู้บุกเบิกการวิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่ยุค 1970s พบว่า การหัวเราะ 100 ครั้ง เทียบเท่ากับการปั่นจักรยาน 10-15 นาที ในแง่ของการเผาผลาญพลังงานและกระตุ้นระบบประสาทให้หลั่งสารลดปวดตามธรรมชาติ เช่น เบตา-เอ็นดอร์ฟิน ทำให้คนไข้โรคข้ออักเสบหรือปวดหลังเรื้อรังรู้สึกดีขึ้นชั่วคราว
Norman Cousins นักเขียนชื่อดังที่ป่วยด้วยโรคข้ออักเสบรุนแรง ยังบันทึกในหนังสือ Anatomy of an Illness ว่า การดูหนังตลกและหัวเราะวันละ 10 นาที ช่วยให้เขานอนหลับได้โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวด ในแง่การฟื้นตัวจากโรค ผู้ป่วยที่หัวเราะบ่อยหลังผ่าตัดมีอัตราการฟื้นตัวเร็วขึ้นร้อยละ 20 เพราะร่างกายผ่อนคลายและระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การหัวเราะไม่ใช่ ยาครอบจักรวาล ที่รักษาทุกโรคได้ทันที แต่เป็นตัวช่วยเสริมที่ทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงขึ้นในการต่อสู้กับความเจ็บป่วย
ท้ายที่สุด แค่หัวเราะวันละ 5 นาที ก็จะได้ทั้งสุขภาพกายที่แข็งแรงและจิตใจที่แจ่มใส โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าเสียงหัวเราะคือยาที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้ ลองเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะดูคลิปตลก เล่นกับเพื่อน หรือแค่ยิ้มให้ตัวเองหน้ากระจก แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง!

รู้หรือไม่ : คนเราหัวเราะครั้งแรกตั้งแต่ 10 สัปดาห์ ซึ่งก็คือ ทารกเริ่มหัวเราะได้ตั้งแต่อายุ 10-12 สัปดาห์ ตามพัฒนาการทางสมองที่ตอบสนองต่อการจั๊กจี้หรือรอยยิ้มของพ่อแม่
อ่านจบก็ปรบมือ แล้วหัวเราะให้ด้วยนะ
อ่านข่าวอื่น :
ปฏิทินเมษายน 2568 หยุดยาวจุใจแพลนทริปเที่ยวสาดน้ำท้าซัมเมอร์