เจ้าหน้าที่มากกว่า 1,000 คน ของสื่อทางการสหรัฐฯ อย่าง Voice of America หรือ VOA, Radio Free Asia, Radio Free Europe และอีกหลายสื่อได้รับอีเมลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งขอให้งดมาทำงานที่สำนักงาน รวมทั้งควรคืนบัตรสื่อ และอุปกรณ์ของสำนักงานด้วย หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร กำหนดให้ US Agency for Global Media หรือ USAGM เป็นหนึ่งในหน่วยงานราชการที่ไม่จำเป็น
USAGM เป็นหน่วยงานอิสระที่รับผิดชอบดูแลเครือข่ายสื่อเพื่อบริการสาธารณะ โดยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา-ไร้อคติในประเทศต่าง ๆ ที่สื่อในประเทศนั้น ๆ ถูกจำกัดเสรีภาพ โดย USAGM จะจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐไปสนับสนุนสื่อของทางการอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ USAGM ย่อมกระทบกับสื่อทางการสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทำเนียบขาว ระบุว่า การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้จ่ายภาษีจะไม่ต้องติดบ่วงการโฆษณาชวนเชื่อที่สุดโต่งอีกต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของอีลอน มัสค์ มือหั่นงบฯ ในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่ระบุว่า ไม่มีใครฟังสื่อเหล่านี้แล้ว จะมีก็แค่กลุ่มฝ่ายซ้ายสุดโต่ง แต่ผลาญเงินภาษีชาวอเมริกันปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
VOA เริ่มออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ก.พ.1942 เป็นภาษาเยอรมัน เพื่อต่อสู้กับโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายนาซี ด้วยข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและปราศจากอคติ โดยการออกอากาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่ถึง 2 เดือน
ปัจจุบัน VOA กลายเป็นสื่อระดับโลกที่ให้บริการครอบคลุม 49 ภาษา ทั้งในละตินอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ไปจนถึงเอเชีย ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ มีคนเปิดเข้าไปดู-ไปฟังและอ่านบทความของสื่อทางการสหรัฐฯ นี้ มากกว่า 361 ล้านคน ผ่านหลากหลายช่องทาง ตั้งแต่โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ในปีงบประมาณ 2024 VOA ได้รับจัดสรรเงินกว่า 267 จุด 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 9,000 ล้านบาท
การก่อตั้ง VOA และสื่อทางการอื่น ๆ ถือเป็นหนึ่งในความพยายามของสหรัฐฯ ในการแผ่ขยายอิทธิพล โดยเฉพาะในยุคที่อำนาจอาจไม่ได้มาด้วยกำลังทางทหารเท่านั้น แต่เป็นการใช้ soft power ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ ซึ่งตลอดระยะเวลามากกว่า 80 ปีที่ผ่านมา VOA สร้างเครือข่ายอันแข็งแกร่งโยงใยไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีน ที่รัฐบาลทรัมป์ต้องการสกัดอิทธิพลในทุก ๆ ทาง
VOA ภาคภาษาจีนกลาง ออกอากาศเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 1941 หรือก่อนก่อตั้ง VOA เสียอีก ซึ่งเป็นการออกอากาศที่ส่งสัญญาณโดยตรงจากสตูดิโอในซานฟรานซิสโกไปยังเอเชีย เพื่อให้คนที่ใช้ภาษาจีนได้รับทราบข่าวสารจากสหรัฐฯ ไม่นานหลังจากญี่ปุ่นโจมตี Pearl Harbor
ข้อมูลจาก USAGM ชี้ว่า แม้การเข้าถึงสื่อต่างชาติในจีนจะถูกปิดกั้น หรือจำกัด แต่ VOA ยังสามารถสร้างฐานผู้ชมและเติบโตได้ โดยมีคนกดเข้าไปอ่านบทความบนเว็บไซต์ของ VOA ภาคภาษาจีน มากกว่า 77 ล้านวิว และชมวิดีโอมากกว่า 15 ล้านครั้ง หรือเพิ่มขึ้น 72%
ขณะที่ยอดวิวคลิปบนสื่อสังคมออนไลน์อย่าง X ทะลุ 198 ล้านวิว ยอด engagement หรือการมีส่วนร่วม แซงหน้า BBC ของอังกฤษ DW ของเยอรมนี หรือแม้กระทั่ง Global Times สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ส่วนใน YouTube มีคนกดเข้าไปดูคลิปของ VOA มากกว่า 184 ล้านวิว โดยความนิยมของ VOA ในอิหร่านและรัสเซียเอง ก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นไม่ต่างจากในจีน
สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจโลกชาติสุดท้ายที่ก่อตั้งสื่อทางการ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารข้ามพรมแดนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยช้ากว่าเนเธอร์แลนด์ที่เป็นชาติแรกของโลกถึง 15 ปี ขณะที่สหภาพโซเวียต หรือรัสเซียในปัจจุบัน เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงเป็นเครื่องมือของนโยบายต่างประเทศ จึงสร้างศูนย์กระจายเสียงในกรุงมอสโก เผยแพร่ข่าวสารใน 50 ภาษาในปี 1930 ส่วนอิตาลีและอังกฤษเริ่มในปี 1932
ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น สนับสนุนเงินทุนก่อตั้งสื่อรัฐในปีเดียวกัน แต่คนละจุดประสงค์ อย่างนาซี เยอรมัน พุ่งเป้าไปที่การโฆษณาชวนเชื่อในออสเตรีย และเผยแพร่ข่าวสารไปยังละตินอเมริกา หลังบ้านสหรัฐฯ ส่วนญี่ปุ่นใช้วิทยุกระจายเสียงเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมและความทะเยอทะยานของชาติทั่วภูมิภาคนี้
หนึ่งวันหลังประกาศคำสั่งพักงานทั้งองค์กร ล่าสุดพนักงานสัญญาจ้างของ VOA ได้รับอีเมลแจ้งยกเลิกสัญญาแล้ว ซึ่งจะมีผลภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ และเมื่อประเมินจากสถานการณ์ขณะนี้ ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว VOA จะถูกปิด หรือลดขนาดลง แต่สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก นั่นคือ ผลกระทบต่ออิทธิพลของสหรัฐฯ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมมานานเกือบศตวรรษ
อ่านข่าว : "ทรัมป์" สั่งโจมตีทางอากาศกลุ่มฮูตีในเยเมน เสียชีวิตแล้ว 24 คน
หยุดยิงส่อวืด ? ทรัมป์ขู่ใช้กดดันเศรษฐกิจหากรัสเซียไม่รับเงื่อนไข