ฟุตบอลลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ ลิเวอร์พูล จ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก ที่ลงสนามพร้อมด้วยดีกรีแชมป์เก่า และแชมป์รายการนี้ 10 สมัย พบกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แม้ชื่อชั้นจะดูเป็นรอง แต่ นิวคาสเซิล ทำผลงานในนัดนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อครองเกมเหนือกว่า และได้ประตูขึ้นนำก่อนจากการโหม่งของ แดน เบิร์น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก
ครึ่งหลัง นาที 51 แฟนบอลนิวคาสเซิล เฮเก้อ เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ดาวยิงตัวเก่ง ได้โอกาสซ้ำจ่อ ๆ หน้าประตู แต่ถูก VAR จับเป็นลูกล้ำหน้า

แต่หลังจากนั้นเพียงนาทีเดียว คราวนี้ อิซัค มีชื่อบนสกอร์บอร์ดจนได้ เมื่อได้บอลจาก เจค็อบ เมอร์ฟีย์ โหม่งตั้งมาให้ในกรอบเขตโทษ ก่อนตวัดยิงทันที เสียบเสาเข้าไปให้ นิวคาสเซิล นำห่างเป็น 2 ลูก นาที 52 หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมสร้างโอกาสทำประตูกันได้หลายครั้ง แต่ผู้รักษาประตูยังป้องกันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เฟเดริโก้ เคียซ่า ดาวยิงตัวสำรองของ ลิเวอร์พูล ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงให้ทีม ไล่มาเป็น 1-2 แต่ไล่ไม่ทัน จบเกม นิวคาสเซิล เฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-1
นอกจากจะลบความผิดหวัง ได้แชมป์ลีกคัพ หนแรกจากการเข้าชิงครั้งที่ 3 แล้ว ยังเป็นโทรฟี่หลักของฟุตบอลอังกฤษ ใบแรกในรอบ 70 ปี ที่ นิวคาสเซิ่ล คว้ามาครองได้สำเร็จ ต่อจากแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่ทำได้ในปี 1955

ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากเกมลีกคัพนัดชิงแล้ว ที่อังกฤษ ยังมีเกมพรีเมียร์ ลีก ทำการแข่งขันอีก 3 คู่ อาร์เซน่อล เอาชนะ เชลซี 1-0 ฟูแล่ม เปิดบ้านเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-0 และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ได้ถึงถิ่น 3-0
อ่านข่าว : แมนฯ ยูไนเต็ด บุกตีเสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล แพ้จุดโทษ เปแอสเช ตกรอบศึก UCL
"ลิเวอร์พูล" ฟอร์มเทพบุกถล่ม "สเปอร์ส" 6-3