วันนี้ ( 13 มี.ค.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 3 (1/2568) ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ 17 หน่วยงาน เพื่อติดตามความคืบหน้ามาตรการดังกล่าว ซึ่งได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำแผนระยะกลาง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 3 (1/2568)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 3 (1/2568)
ซึ่งมีคณะกรรมการฯ ที่จัดตั้งขึ้นตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ และคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว
โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็นเก็บภาษี VAT ได้ 1,500 ล้านบาท จากสินค้านำเข้าต่ำกว่า 1,500 บาท ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมาย 24,626 คดี มูลค่าความเสียหาย 1,257.24 ล้านบาท ลดการนำเข้าสินค้าผ่าน e-Commerce ลง 8% เฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท และ กวาดล้างธุรกิจนอมินี 851 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,121 ล้านบาท

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศผิดกฎหมาย ซึ่งมีนายจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าทีม ลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า การจดทะเบียนธุรกิจ และธุรกิจนอมินีทั่วประเทศ เพื่อทำให้ความเข้มข้นของการปราบปรามและมีหน่วยงานรัฐร่วมดำเนินการ เพื่อบังคับใช้กฎหมายป้องกันสินค้าต่างชาติทะลักที่จะกระทบผู้ประกอบการไทยด้วย เพื่อเฝ้าระวังการขายสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
รัฐบาลมุ่งปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย และธุรกิจนอมินี เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม และเพื่อปกป้องเศรษฐกิจและผู้บริโภคไทย ส่วนข้อร้องเรียนในการปลูกทุเรียนจ.จันทบุรีของทุนต่างชาติ กระทรวงจะเร่งเข้าไปตรวจสอบและร่วมมือกับมหาดไทยให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้น

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ มีมติ แต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีหน้าที่ดำเนินการใน 2 ด้านหลัก คือ การควบคุมสินค้านำเข้า และการตรวจสอบธุรกิจนอมินีของคนต่างด้าว
โดยจะดำเนินการควบคุมสินค้านำเข้า เพิ่มการตรวจสอบสินค้าที่เข้าสู่ประเทศไทยจากเดิม 20% เป็น 30% ตรวจสอบแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และสินค้าคุณภาพต่ำบางส่วนไม่ได้ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่กระจายอยู่ในตลาดทั่วไปต้องเพิ่มการตรวจสอบออฟไลน์ให้ครอบคลุม

สำหรับการตรวจสอบธุรกิจนอมินีของคนต่างด้าว จะเน้นตรวจสอบเอกสารการถือหุ้นและรูปแบบการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ บางกรณีพบว่าธุรกิจของชาวต่างชาติอาจจดทะเบียนในชื่อคนไทยทั้งหมด ทำให้ตรวจสอบได้ยาก และบางธุรกิจจดทะเบียนในจังหวัดหนึ่งแต่ดำเนินการจริงในอีกจังหวัด ซึ่งต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงธุรกิจบางประเภทเข้าข่ายเป็นธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
คณะทำงานชุดนี้จะต้องลงพื้นที่ตรวจสอบทั้ง สินค้านำเข้าและธุรกิจนอมินี ควบคู่กันโดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย เพื่อให้การตรวจสอบครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อ่านข่าว:
“เศรษฐกิจฟื้นช้า” สัญญาณเตือน ฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดครั้งแรก รอบ 5 เดือน
“พาณิชย์” เคาะ 7 มาตรการ ป้องผลไม้ล้นตลาดตั้งเป้าระบาย 9.5แสนตัน
“ค้าภายใน”เด้งรับ เงินหมื่นเฟส 3 เปิดรับสมัครร้านค้า เม.ย. - พ.ค.นี้