วันนี้ ( 12 มี.ค.2568) น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ประจำปีบีโอไอ ภายใต้แนวคิด “Ignite Thailand: Invest in Endless Opportunities” ร่วมปลุกกระแสการลงทุนไร้ขีดจำกัด พลิกความท้าทาย เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตครั้งใหญ่ให้กับประเทศไทย ว่าวันนี้การลงทุนทั่วโลกมีความท้าทายมากขึ้น การมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ธุรกิจต่าง ๆ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้เติบโต เปลี่ยนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกให้เป็นโอกาส เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
รัฐบาลพร้อมจะแสดงความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเห็นว่าไทยมีความพร้อม ในการสร้างโอกาสการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ในเฟส 2 รวมถึงท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และการพัฒนาท่าอากาศยาน จนการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์เชื่อมระหว่างฝั่งอันดามันและอ่าวไทย เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในฐานะของผู้นำรัฐบาลต้องพยายามที่จะเปลี่ยนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ให้เป็นโอกาสของประเทศให้ได้ ซึ่งมีหลายภาคส่วนที่ร่วมมือกัน อย่างที่พูดไปในหลายเวทีการใช้ภาครัฐอย่างเดียวหรือภาคเอกชนอย่างเดียวหรือภาคประชาชนอย่างเดียวไม่สามารถเกิดการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้อย่างเป็นก้าวใหญ่จึงต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการซึ่งรัฐบาลแสดงความมั่นคงชัดเจนมาตลอด

สำหรับ การลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ขณะนี้มีอยู่หลายโครงการที่รัฐพยายามทำ ทั้งการผลักดันด้านการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อ ภาคใต้เข้าสู่ส่วนกลาง อำนวยความสะดวกทั้งการค้าและการเดินทาง อนุมัติรถไฟสายสีม่วงและสีม่วงใต้เพื่อเชื่อมโยงกรุงเทพฯชั้นนอกและชั้นในเข้าด้วยกัน นอกจากนี้รถไฟความเร็วสูงภาคอีสานช่วงที่ 2 อำนวยความสะดวกในการขนส่งระดับภูมิภาค ซึ่งการสร้างรถไฟเหล่านี้หากมีการก่อสร้างและเศรษฐศาสตร์จะสามารถเชื่อมต่อการขนส่ง สินค้าการท่องเที่ยวให้กับประเทศเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาท่าอากาศยานจะมีการลงทุนที่สำคัญโดยเริ่มโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังแห่งที่ 3 มีมูลค่าในการลงทุนเบื้องต้น 1.5 แสนล้านบาท และเริ่มพัฒนาโครงการเพื่อขยายการใช้งานในพื้นที่ท่าอากาศยานทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลให้การขนส่งของประเทศไทยนั้นเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ปีนี้การขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เป็นปีที่มีตัวเลขการลงทุนสูงที่สุดสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสนใจของนักลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งผู้นำของจีนสนใจเป็นอย่างมาก รวมไปถึงผู้นำในประเทศอื่นๆที่จะมาลงทุนกับไทยในโครงการแลนด์บริด เชื่อมต่อทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคหากสามารถสร้างโครงการนี้ได้แล้วเสร็จจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทุกๆประเทศจะมาผ่านที่เราส่งผลมากมายทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวการค้าและการเกิดอาชีพใหม่ๆและรายได้ใหม่ๆ
รัฐบาลพยายามสนับสนุน Man made Destination พร้อมยกตัวอย่างการส่งเสริมมหาสงกรานต์ที่จะสร้างบรรยากาศให้ต่างชาติได้รู้ว่าสงกรานต์ของเราไม่ได้มีแค่ 13-15 เม.ย.แต่ยังมีช่วงอื่นๆที่ประเทศไทยน่าท่องเที่ยวทั้งปี

นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า กว่า 10 ปีที่ผ่านมาไทยมีกิจกรรมด้านการลงทุนน้อยโดยเฉพาะกับต่างประเทศ แต่ในปี 2567 มียอดคำขอบีโอไอสูงเป็นประวัติการณ์ รวมมูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ไฮบริด (Hybird) และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองโลกในตอนนี้เป็นจังหวะ ที่หลายคนบอกว่าเป็นวิกฤต แต่มองว่าเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทย เพราะมองว่านักลงทุนวิ่งมาที่ประเทศไทยมองว่าเรื่องนี้เป็นโอกาส
ทั้งนี้ไทยพร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางของการลงทุนในภูมิภาค เหมือนที่เคยเป็นในอดีต สิ่งแรกที่นักลงทุนถาม คือ เรื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ซึ่งในอดีตเมื่อ 40 ปีก่อน ไทยเคยมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง มากกว่า 10% และจากนั้นปรับลดลงมา อยู่ในระดับ 4-6% ต่อปี จนมาถึงช่วงโควิด จีดีพีไทยปรับลงมาต่ำประมาณ 2% แต่ในปี 2568 นี้ รัฐบาลวางเป้าหมายว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 3-3.5% แต่ไม่ใช่เป้าหมายระยะยาว
ทั้งนี้มีนักลงทุนที่ขอบีโอไอ รวมกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แตกต่างจากนักลงทุนที่ผ่านมาที่ขอลงทุนแล้ว อีก 3 ปีต่อไปกว่าจะใช่เงินลงทุน แต่นักลงทุนกลุ่มใหม่นั้น ต้องการให้การลงทุนรวดเร็ว รัฐบาลการจึงต้องเร่งรัฐการทำงาน เนื่องจากทุกคนต้องการเชื่อมต่อซัพพลายเชนของโลกที่เริ่มสะดุด ซึ่งไทยถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่ดีแห่งหนึ่ง ถือเป็นวิน-วิน โซลูชั่น
ไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวที่สามารถเป็นจุดเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก กับมหาสมุทรอินเดีย ที่เป็นการเชื่อมคนขายและคนซื้อทรัพยากร รัฐบาลจึงเร่งทำโครงการรถไฟรางคู่เพื่อเชื่อมต่อทุกจุดให้ลื่นไหล โดยรถไฟรางคู่จากกรุงเทพ เชื่อมถึงประเทศลาว จะเสร็จสิ้นในอีก 4 ข้างหน้า
รมว.คลังกล่าวอีกว่า ยืนยันว่ามีเสถียรภาพทางการคลังยังคงเข้มแข็ง แม้ว่ามีจีดีพีจะเติบโตไม่สูง แต่พื้นฐานจากในอดีตทำให้ไทยมีความมั่นคงทางการคลัง และมีเม็ดเงินสำรองระหว่าประเทศในระดับ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ระยะสั้นของไทยที่มีอยู่ในต่างประเทศมากถึง 3 เท่า
ไทยมีสภาพคล่องที่ยังเหลืออยู่จำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่ไม่อยากใช้ แต่แค่รอว่าจะมีการรับรองว่าเม็ดเงินเหล่านี้ถูกดึงไปแล้ว จะมีผลตอบแทนที่มั่นคง และได้คืนหรือไม่ ซึ่งคาดว่ามีเม็ดเงิน 4 ล้านล้านบาท ที่รอไปใช้เพื่อการลงทุน ส่วนภาคธุรกิจธนาคารไทยก็มีความแข็งแรง
ทั้งนี้ การเติบโตของการส่งออกในปีนี้ยังอยู่บนเครื่องยนต์เก่า เชื่อว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า การลงทุนขนาดใหญ่ที่กำลังเข้ามาจะเป็นการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศราว 10% และที่เหลือเป็นการส่งออก ซึ่งจะมีผลต่อดีต่อการส่งออกไทยในภาพรวมตั้งแต่ปี 2569-2570 เป็นต้นไป
การผลักดันภาคส่งออกเพื่อให้ถึงเป้าหมายในปีนี้ จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา และอุปสรรค มีการเจรจาและประสานงานกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นยังอยากเห็นค่าเงินบาทอ่อน อย่างมีเสถียรภาพ

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ มุ่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโครงการที่สร้างประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและมีมูลค่าสูง ที่สำคัญต้องก่อให้เกิดกระบวนการผลิตที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เช่น การส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ยกระดับผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI ระบบอัจฉริยะ และหุ่นยนต์ เป็นต้น
นอกจากนี้ จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนสร้างฐานผลิตในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมใหม่ อย่างเซมิคอนดักเตอร์ PCB ดิจิทัล และ AI การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะดิจิทัล การลดข้อจำกัดของกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการยกระดับพัฒนา Supply Chain ของอุตสาหกรรมใหม่ให้แข็งแกร่งรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต
แนวโน้มสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ไทยเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบ และทำให้มั่นใจว่าโครงการที่ได้รับการส่งเสริม ต้องมีกระบวนการผลิตในสาระสำคัญเกิดขึ้นจริงภายในประเทศ และไม่มีการสวมสิทธิ พร้อมส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ รวมถึงการร่วมทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ผลิตไทย
นอกจากนี้ บีโอไอได้ทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อลดผลกระทบจาก Global Minimum Tax โดยให้เครดิตภาษี จากการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น ด้านวิจัยและพัฒนา ด้านการพัฒนาบุคลากรด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนมีภาระภาษีลดลง
อ่านข่าว:
ทาส "หมา-แมว" พร้อมเปย์อาหารเกรด"พรีเมียม" ดูแล "สัตว์เลี้ยง"
เงินหมื่น "เฟสวัยรุ่น" คุณสมบัติกลุ่มเป้าหมาย-ใช้จ่ายอะไรได้