ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รู้จักระบบ CARE ปฏิรูป "บำนาญประกันสังคม" เป็นธรรมและยั่งยืน

สังคม
11 มี.ค. 68
14:47
2,769
Logo Thai PBS
รู้จักระบบ CARE ปฏิรูป "บำนาญประกันสังคม" เป็นธรรมและยั่งยืน
อ่านให้ฟัง
09:10อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
บอร์ดประกันสังคมไฟเขียวระบบ CARE เตรียมเปลี่ยนวิธีคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ คาดเริ่มใช้จริง ม.ค.2569 หวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้ผู้ประกันตนทุกมาตรา พร้อมสร้างความมั่นคงให้กองทุนในระยะยาว

ระบบ CARE หรือ Career Average Revalued Earnings เป็นระบบการคำนวณเงินบำนาญชราภาพที่บอร์ดประกันสังคมของประเทศไทยกำลังพิจารณาและผลักดันให้มีการปรับใช้ แทนระบบเดิมที่เรียกว่า Final Average Earnings (FAE) ซึ่งใช้เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณเป็นฐานคำนวณ 

ระบบ CARE ถูกนำมาใช้ในหลายประเทศที่มีระบบบำนาญที่พัฒนาแล้ว เช่น เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร โดยเน้นการคำนวณเงินบำนาญจากรายได้เฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงานทั้งหมด แทนการใช้เฉพาะช่วงท้ายของชีวิตการทำงาน

ในประเทศไทย การปฏิรูประบบบำนาญนี้เริ่มถูกหยิบยกขึ้นมาหลังจากผู้ประกันตนเรียกร้องมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากระบบ FAE เดิมถูกมองว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ที่มีรายได้สูงในช่วงต้นหรือกลางชีวิตการทำงาน แต่ลดลงในช่วงท้าย หรือผู้ที่เปลี่ยนสถานะจากมาตรา 33 ไปเป็นมาตรา 39 ซึ่งมีฐานเงินสมทบต่ำกว่า

จุดเด่นของระบบ CARE

  • เป็นธรรม คำนวณจากรายได้ทั้งหมดตลอดอายุการทำงาน ทำให้สะท้อนความสามารถในการเงินของผู้ประกันตนได้ดีกว่า
  • ยั่งยืน ช่วยลดภาระกองทุนประกันสังคมในระยะยาว โดยกระจายการคำนวณให้สมดุล ไม่เน้นที่เงินเดือนสูงสุดช่วงท้าย
  • ครอบคลุมทุกกลุ่ม ปรับให้เหมาะกับผู้ประกันตนทุกมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 39 ที่เดิมถูกจำกัดฐานเงินสมทบที่ 4,800 บาท ซึ่งอาจได้บำนาญน้อยเกินไป

ข้อจำกัดของระบบ CARE

  • ต้องใช้ระบบฐานข้อมูลที่แม่นยำเพื่อติดตามรายได้ทั้งชีวิต

  • ผู้ที่มีเงินเดือนสูงช่วงท้ายอาจได้บำนาญน้อยกว่าระบบเดิม เพราะระบบใหม่นำเงินเดือนทั้งหมดมาคิด ยกตัวอย่าง นายแบงค์ ทำงานมา 20 ปี เงินเดือน 15 ปีแรกได้เดือนละ 7,500 บาท ต่อมาถูกปรับเงินเดือน 5 ปีสุดท้ายก่อนอายุ 55 ปี เป็น 15,000 บาท 
    • ถ้าเป็นระบบเก่าที่นำเงินเดือนมาคิด 5 ปีสุดท้าย นายแบงค์จะได้เงินบำนาญชราภาพ เดือนละ 3,000 บาท 

    • แต่ถ้าใช้ระบบ CARE ให้เอาเงินเดือนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนปีที่ทำงานทั้งหมด จะได้เงินเดือนเฉลี่ย
       
      [(7,500 x 15 ปี) + (15,000 x 5 ปี)] ÷ 20 ปี = 9,375 <-- เงินเดือนเฉลี่ย
      ถ้าจ่ายครบปี ให้ใช้จำนวนปีคิดเลย แต่ถ้ามีเศษเดือน ให้แปลงค่าเป็นเดือนทั้งหมด

      • ตามสูตร 15 ปีแรก (180 เดือนแรก) คิด 20% ให้นำ 9,375 มาคิด
        จะได้เงินบำนาญส่วน 15 ปีแรกเป็น 1,875 บาท  

      • ตามสูตรเมื่อส่งมากกว่า 15 ปี (เดือนที่ 181 เป็นต้นไป) คิด 1.5% x จำนวนปีที่ส่งเกิน x เงินเดือนเฉลี่ยที่คำนวณได้
        จะได้เงินบำนาญส่วนที่ส่งเกิน 1.5% x 5 ปี x 9,375 = 703.125 บาท 

        นายแบงค์จะได้เงินบำนาญชราภาพเดือนละ 1,875 + 703.125 = 2,578.125 บาทตลอดชีวิต

  • สำหรับผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนน้อยในช่วงปีแรก ๆ จะได้รับข้อยกเว้นปรับฐานเงินเดือนตาม "อัตราเงินเฟ้อ" ในปัจจุบัน ซึ่งต้องรอว่า ทางสำนักงานประกันสังคมจะปรับให้อยู่ที่เท่าไหร่ เช่น เงินเดือน 7,500 บาทเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบันอาจมีมูลค่า 12,000 บาท ก็จะนำเงินที่ถูกปรับนี้ มาคิดคำนวณค่าบำนาญชราภาพ

ความแตกต่างระหว่าง FAE และ CARE

สูตรเดิม FAE : คำนวณบำนาญจากร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สูงสุด 15,000 บาท) และเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก ๆ 12 เดือนที่เกินจาก 180 เดือนแรก

สูตรใหม่ CARE : คำนวณบำนาญจากร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ยทั้งหมดที่ทำงานมาก่อนสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สูงสุด 15,000 บาท) และเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก ๆ 12 เดือนที่เกินจาก 180 เดือนแรก

ตัวอย่างการคำนวณบำนาญสูตร CARE ผู้ประกันตน ม.33

  • นายชลธีมีประวัติการทำงานดังนี้ 

ปีที่ 1-10 : เงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท
ปีที่ 11-20 : เงินเดือนเฉลี่ย 20,000 บาท
ปีที่ 21-25 และ 6 เดือน : เงินเดือนเฉลี่ย 30,000 บาท

เพดานเงินเดือนสำหรับ ม.33 คือ 15,000 บาท (ณ ปี 2568) นั่นหมายถึง ปีที่ 1-10 จะคิดฐานเงินเดือนที่ 10,000 บาท แต่ปีที่ 11-25 และอีก 6 เดือน คิดฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท

  • ขั้นตอนการคำนวณ 

[(10,000 x 120 เดือน) + (15,000 x 186 เดือน)] ÷ 306 เดือน = 13,039 บาท/เดือน

  • ตามสูตร 15 ปีแรก คิด 20% ให้นำเงิน 13,039 บาทมาคิด
    จะได้เงินบำนาญส่วน 15 ปีแรกเป็น 2,607 บาท

  • ต่อมาเมื่อส่งมากกว่า 15 ปี คิดเพิ่มปีละ 1.5% x จำนวนปีที่ส่งเกิน x เงินเดือนเฉลี่ยที่คำนวณได้
    จะได้เงินบำนาญส่วนที่ส่งเกิน 1.5% x 5.5 ปี x 13,039 = 1,075 บาท
    หมายเหตุ : 5.5 มาจากการทำ 5 ปี 6 เดือนให้เป็น จำนวนปี

นายชลธีจะได้เงินบำนาญชราภาพเดือนละ 2,607 + 1,075 = 3,682 บาทตลอดชีวิต

ตัวอย่างการคำนวณบำนาญสูตร CARE สำหรับผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39

  • น.ส.จันจี้ มีประวัติการทำงานดังนี้

มาตรา 33 : ทำงานในบริษัทเอกชนเป็นเวลา 20 ปี โดยมีเงินเดือนเฉลี่ยดังนี้ :

  • ปีที่ 1-10 : เงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท
  • ปีที่ 11-20 : เงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาท

มาตรา 39 : หลังจากลาออกจากงาน น.ส.จันจี้ สมัครเป็นผู้ประกันตน ม.39 และ ส่งเงินสมทบต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี โดยฐานเงินเดือนสำหรับการคำนวณคือ 4,800 บาท (ฐานเดิม ณ 2568)

  • ขั้นตอนการคำนวณ

[(10,000 x 120 เดือน) + (15,000 x 120 เดือน) + (4,800 x 120 เดือน)] ÷ 360 เดือน = 9,933 บาท/เดือน

  • ตามสูตร 15 ปีแรก คิด 20% ให้นำเงิน 9,933 บาทมาคิด
    จะได้เงินบำนาญส่วน 15 ปีแรกเป็น 1,987 บาท

  • ต่อมาเมื่อส่งมากกว่า 15 ปี คิดเพิ่มปีละ 1.5% x จำนวนปีที่ส่งเกิน x เงินเดือนเฉลี่ยที่คำนวณได้
    จะได้เงินบำนาญส่วนที่ส่งเกิน 1.5% x 15 ปี x 9,933 = 2,235 บาท

    น.ส.จันจี้ จะได้เงินบำนาญชราภาพเดือนละ 1,987 + 2,235 = 4,222 บาทตลอดชีวิต

อ่านข่าว :

สปส.ผลักดันสูตรบำนาญ แบบ "CARE" เตรียมประชุมพรุ่งนี้

มติเอกฉันท์ "บอร์ดประกันสังคม" เห็นชอบปรับสูตรคำนวณบำนาญ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง