วันนี้ (10 มี.ค.2567) น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 3 - 9 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 823,166 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทางเฟซบุ๊กชักชวนหารายได้พิเศษ มีการเพิ่มเพื่อนทางไลน์ แล้วถูกดึงเข้ากรุ๊ปไลน์ เพื่อดูรายละเอียดงานเป็นการแพ็กสินค้าของ THE NEWYORK' S จากนั้นให้กดลิงก์กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว แล้วให้โอนเงินเพื่อทำกิจกรรมกดถูกใจสินค้า ช่วงแรกสามารถถอนเงินออกมาได้ ภายหลังมีการโอนเงินในยอดที่สูงขึ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ เมื่อสอบถามไม่มีการตอบกลับใดๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เสียหาย 1,445,000 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาการลงทุนผ่านช่องทางติ๊กต๊อก ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ คุยรายละเอียดการลงทุนเป็นการเทรดหุ้นบริษัทในไทย หลังจากนั้นมิจฉาชีพให้โหลดแอปพลิเคชัน Gbemax เพื่อลงทุนเทรดหุ้น ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปในระบบเรื่อย ๆ และได้กำไรตามที่มิจฉาชีพแจ้ง
จากนั้นผู้เสียหายจึงโอนเงินเข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้นและต้องการถอนกำไรนั้นออกจากระบบ มิจฉาชีพอ้างว่าไม่สามารถถอนได้ แจ้งว่ายังไม่ถึงเวลาที่กำหนด และเสนอให้ซื้อหุ้นตัวอื่นเพิ่มที่ยอดสูงขึ้นอีก ผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงขอถอนเงินทุนและกำไรที่ได้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) มูลค่าความเสียหาย 1,622,460 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ใช้ภาพโพรไฟล์เป็นหนุ่มหน้าตาดี โดยมิจฉาชีพอ้างเป็นวิศวกรขุดเจาะน้ำมันอยู่ต่างประเทศ ผู้เสียหายสนใจจึงได้พูดคุยทำความรู้จักกันมาสักระยะ จากนั้นเพิ่มเพื่อนทางไลน์ และได้สนทนากันต่อจนมีความสนิทใจ แต่ไม่เคยพบเจอกัน ต่อมามิจฉาชีพแจ้งว่ามีของขวัญเป็นของมีค่าและสินค้าในร้านค้ามากมายจะส่งให้ผู้เสียหาย ขอให้ผู้เสียหายช่วยเหลือโอนเงินค่าส่งสินค้าและค่าประกันสินค้า และอ้างเหตุผลต่างๆ ให้หลงเชื่อ ผู้เสียหายทำการโอนเงินไปหลายยอด จนกลายเป็นยอดสะสมหลักล้าน ผู้เสียหายขอคุยกันผ่าน VDO Call แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,030,000 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทางติ๊กต๊อก ได้รู้จักกันสักระยะหนึ่ง มิจฉาชีพได้ชักชวนลงทุนเทรดหุ้น ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทางไลน์ เพื่อคุยรายละเอียด จากนั้นถูกดึงเข้ากรุ๊ปไลน์ มิจฉาชีพส่งลิงก์เว็บไซต์สำหรับการลงทุนเทรดหุ้นและแนะนำขั้นตอนต่างๆ ต่อมาให้โอนเงินเพื่อทำการลงทุน ในช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง มิจฉาชีพแจ้งให้โอนเงินลงทุนเพิ่ม ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวนมากขึ้น ภายหลังต้องการถอนเงินแต่ไม่สามารถถอนได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าจะต้องชำระค่าภาษีและค่าบริการต่างๆ ก่อนจึงจะสามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 5 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 4,050,512 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ DSI แจ้งว่าชื่อผู้เสียหายถูกนำไปเปิดบัญชีม้าเพื่อหลอกลวงประชาชน จากนั้นเพิ่มเพื่อนทาง Line มิจฉาชีพแจ้งว่าขอตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชี หากไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดตามกฎหมาย จะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำร้าย หากผู้เสียหายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะทำการโอนเงินคืน ผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงโอนเงินไปให้ตรวจสอบ จากนั้นไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 9,971,138 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2566 ถึง วันที่ 7 มี.ค.2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้
1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,535,078 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,114 สาย
2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 558,306 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,238 บัญชี
3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่
- หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 173,767 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.12
- หลอกลวงหารายได้พิเศษ 130,872 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.44
- หลอกลวงลงทุน 81,041 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.52
- หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 58,077 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.40
- หลอกลวงให้กู้เงิน 39,976 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.16
- และคดีอื่นๆ 74,573 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.36
น.ส.วงศ์อะเคื้อ กล่าวว่า จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพ ใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหาย ผ่านสื่อโซเชียล ทั้ง9bUd และ Facebook ก่อนที่จะแอดเพื่อนเข้ากลุ่ม Line โดยในรายที่สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท เป็นการข่มขู่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI แล้วข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า
ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ จะไม่มีการโทรติดต่อโดยตรงหรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด ดังนั้นหากมีการติดต่อเข้ามา ให้ประเมินว่าเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ด้านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบ และติดต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวง ดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าว : ราชกิจจาฯ ประกาศคำพิพากษาถึงที่สุด เพิกถอน "ใบสั่ง-ค่าปรับจราจร"