กรณีเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเด็กอายุ 3 เดือนที่พบว่าแม่ติดสารเสพติด กรมอนามัยมีความห่วงใย เพราะสารเสพติดดังกล่าวจะถ่ายทอดไปยังลูกจากการให้นม วันนี้ (9 มี.ค.2568) พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรณีที่แม่เสพยาเสพติดและให้ลูกกินนมถือว่าอันตรายต่อพัฒนาการการเจริญเติบทั้งทางร่างกาย และสมองของลูกน้อย
ทั้งนี้แม้ว่าข้อมูลสถิติเกี่ยวกับจำนวนหญิงตั้งครรภ์ ที่ใช้สารเสพติดในไทยจะมีจำกัด แต่มีรายงานว่าการใช้สารเสพติดในหญิงตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบต่อทารกแรกเกิด ทั้งในช่วงตั้งครรภ์ มีความพิการแต่กำเนิด 3-5% คลอดก่อนกำหนด ภาวะครรภ์เป็นพิษ ตกเลือดหลังคลอด และภาวะแท้ง
ช่วงหลังคลอด ยังพบสารเสพติดผ่านน้ำนมถึงลูก ส่งผลถึงพัฒนาการและความเฉลียวฉลาดของเด็ก เด็กตัวเล็กและน้ำหนักตัวน้อย
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าวเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูกน้อย กรมอนามัย ยังคงย้ำถึงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก และสังคมควรได้รับให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
รวมถึงแก้ไขความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าในหญิงตั้งครรภ์ในการใช้ยาเสพติดจะทำให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น นั้นไม่ใช่เรื่องจริง สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ติดยาแนะควรหยุดเสพ และเข้ารับการรักษาหรือบำบัดโดยทันที เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก
นพ.นปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ ผอ.สำนักส่งเสริมสุขภาพ กล่าวว่า กรมอนามัย ให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ยืนยันประโยชน์ของนมแม่ นมแม่เป็นแหล่งสารอาหารที่ครบถ้วนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคเรื้อรังในอนาคต
โดยจะเร่งสร้างความเข้าใจ รวมทั้งให้ข้อมูลความเสี่ยงของสารเสพติด เกี่ยวกับผลกระทบของการใช้สารเสพติดในหญิงตั้งครรภ์ และมารดาที่ให้นมบุตร เช่น การเจริญเติบโตช้า คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อย และอาการถอนยาในทารก และจัดหาโปรแกรมบำบัดรักษาและฟื้นฟูสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ใช้สารเสพติด เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมและลดผลกระทบต่อทารก