ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กมธ.เชิญ 3 หน่วยงานแจง สปส.ยันประกันสังคมสิทธิไม่ด้อยกว่าบัตรทอง

สังคม
6 มี.ค. 68
13:19
123
Logo Thai PBS
กมธ.เชิญ 3 หน่วยงานแจง สปส.ยันประกันสังคมสิทธิไม่ด้อยกว่าบัตรทอง
อ่านให้ฟัง
07:31อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"กมธ.สาธารณสุข" สอบถามปมประกันสังคม "เฉลิมชัย" ลั่นงบประมาณมากกว่า-รายจ่ายต่อหัวสูงกว่า 500 บาท แต่สิทธิประโยชน์ต่ำกว่าบัตรทอง จี้โอนให้​ สปสช.ดูแลแทน​ ขณะ​ที่ สปส.แจงสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่า ยันเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาพยาบาลใกล้เคียงได้โดยไม่ต้องวางเงินสำรอง

วันนี้ (6 มี.ค.2568) คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ เป็นประธาน มีวาระเพื่อพิจารณาศึกษาสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของผู้ประกันตน ซึ่งได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานประกันสังคม​ (สปส.) สำหนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และตัวแทนจากภาคประชาสังคม โดยกรรมาธิการส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงสิทธิการรักษาของผู้ประกันตน​ ที่ได้รับสิทธิน้อยกว่าสิทธิบัตรทอง ทั้งที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเข้ากองทุนเอง ในขณะที่บัตรทองใช้งบประมาณของรัฐที่มาจากภาษีของประชาชน

นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการ สปสช. ชี้แจงว่า ทั้ง 2 สำนักงาน​ ถือกฎหมายคนละฉบับ แต่สิทธิการรักษาพยาบาลส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีเพียงรายละเอียดปีกย่อยที่ต่างกัน เช่น การรักษาโรคมะเร็งที่ผู้ประกันตนจะสามารถใช้สิทธิได้เพียงโรงพยาบาลคู่สัญญาเท่านั้น ซึ่งการรักษาพยาบาลบางอย่าง สปส.ยังต้องจ่ายเพิ่มให้ด้วย

ขณะที่ น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ กรรมาธิการฯ ตั้งคำถามถึงวงเงินค่ารักษาฟัน 900 บาทต่อปี รวมถึงการรักษาฉุกเฉินที่ผู้ประกันตนต้องสำรองจ่ายก่อน 10,000 บาทจริงหรือไม่ และการรักษาอาการ 23 กลุ่มโรคที่มีการเหมาจ่าย ผู้ประกันตนต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองหากมีค่าใช้จ่ายสูงใช่หรือไม่

นางชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ผอ.สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ ชี้แจงว่า การรักษาฟันในคลินิกทันตกรรมมีทั้งแบบสำรองจ่าย หรือการเข้ารับการรักษาในคลินิกที่อยู่ในข้อตกลงจะไม่ต้องสำรองจ่าย หากเป็นการอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน มีวงเงิน 900บาทต่อปี แต่หากเป็นการรักษาอื่น ๆ จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม

ส่วนการรักษากรณีฉุกเฉินจะต้องใช้โรงพยาบาลตามสิทธิ และสถานพยาบาลตามสิทธิใกล้ที่เกิดเหตุ โดยโรงพยาบาลจะเป็นผู้ทำเรื่องเบิกค่ารักษาพยาบาลกับ​ สปส.โดยตรงได้ โดยผู้ประกันตนไม่ต้องวางเงินก่อนเข้ารับการรักษา ดังนั้น​น่าจะเป็นปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างผู้ประกันตนกับสถานพยาบาล หากพบปัญหาด้านการรักษาพยาบาลสามารถติดต่อมายังสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศไทยได้โดยตรง​ จะมีเจ้าหน้าที่ไปดูแล และหากเข้าโรงพยาบาลรัฐก็จะเบิกค่ารักษาตามบิลตามความจำเป็น ส่วนรักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ยืนยันว่า สปส.เป็นผู้ที่จ่าย โดยโรงพยาบาลจะเป็นผู้ทำเรื่องเบิกแทน

ขณะที่นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ กรรมาธิการ ตั้งคำถามถึงงบประมาณในส่วนของรายจ่ายรายหัว สปสช. 3,856 บาทต่อปี ขณะที่บริการทางการแพทย์ของ​ สปส. อยู่ที่​ 4,400 บาทต่อปี ต่างกันประมาณ 500 บาท แต่สิทธิการรักษาพยาบาลของบัตรทองมากกว่าของผู้ประกันตน ทั้งที่ผู้ประกันตนส่วนใหญ่​ เป็นผู้ใช้แรงงาน อายุตั้งแต่ 20-60 ปี ขณะที่บัตรทองส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ที่มีโอกาสป่วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า แต่กลับมีรายจ่ายน้อยกว่าผู้ประกันตนอย่างมีนัยะสำคัญ จึงสงสัยว่ามีปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณหรือไม่ หากยังมีปัญหาเช่นนี้​ควรโอนให้​ สปสช.ดูแลเรื่องระบบสุขภาพดีกว่าหรือไม่

ด้านนายอลงกต มณีกาศ กรรมาธิการ ได้ตั้งคำถามถึงสิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคม ว่า​ เหตุใดสิทธิการรักษาทุกวันนี้ถึงด้อยกว่าสิทธิบัตรทอง หรือเพราะทุกวันนี้ สปส.ยังไม่ปรับตัว ประกันสังคมตามไม่ทัน เหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ซึ่งผู้ประกันตนที่เสียเงินทุกเดือน ควรจะได้รับบริการที่ดีกว่านี้ หรือดีกว่าบัตรทอง

ด้านตัวแทนประกันสังคม ยืนยันว่า 1 ปี ที่ผ่านมา พยายามเพิ่มสิทธิการรักษาและการบริการให้กับผู้ประกันตน เช่น การเข้าถึงการรักษาโรคสำคัญ 5 โรค ภายใน 15 วัน ซึ่ง สปส. พยายามเพิ่มสิทธิการบริการให้กับผู้ประกันตน ในทุกปี และทั้ง 2 สำนักงานก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด

ด้าน น.ส.สิริลภัส กองตระการ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้ตั้งคำถามถึง พ.ร.บ.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่มาตรา 66 ระบุว่า​ ต้องประชุมภายใน 1 ปี หากไม่แล้วเสร็จสามารรถขยายได้ ซึ่งหากขยายแล้ว ต้องให้ สปส.หรือ สปสช. เป็นผู้ชี้แจง ว่าเหตุผลการขยายเป็นอย่างไร

น.ส.สิริลภัส กล่าวว่า ดังนั้นตั้งแต่ปี 2545 ก็ยังไม่มีการชี้แจงถึงเหตุผลของขยายระยะเวลา ที่จะพิจารณาขอบเขตสิทธิการเข้ารับบริการทางด้านสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันควรมีความชัดเจนเรื่องของสิทธิได้แล้ว จึงอยากขอเอกสาร 23 ปีย้อนหลัง ในการบันทึกการประชุม เพราะหากไม่มี แสดงว่าไม่มีการประชุมเลย รวมถึงการควบรวม 3 กองทุนที่กำลังเป็นข่าว แต่ทาง สปสช.ได้ออกมาชี้แจงว่ายังไม่มีความพร้อม ต้องศึกษาก่อน ตนจึงอยากทราบกรอบระยะเวลาว่าจะศึกษานานเท่าใด

นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามสิทธิการรักษาฟัน 900 บาทต่อปี ขณะที่การรักษาต่อครั้งอยู่ที่ 700-1,200 บาท แต่ทันตแพทย์ มีคำแนะนำว่าควรต้องเข้าคลินิกดูแลฟันอย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี เช่น ขูดหินปูน เพราะฉะนั้น 900 บาทไม่ครอบคลุม แต่หากเป็นสิทธิบัตรทองสามารถใช้สิทธิ์รักษาเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องคู่สาย สปส.ที่มีอยู่ 400 คู่สาย แต่ผู้ประกันตนมี 24 ล้านคน มองว่าอาจจะไม่เพียงพอต่อการรับฟังปัญหา จะแก้ไขปัญหาอย่างไร

อ่านข่าว : "รักชนก" เรียกร้องนายกฯ เคลียร์ปมควบรวม 3 กองทุนสุขภาพ 

สปส.สั่งตรวจสอบกรณีผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต หลังใช้สิทธิประกันสังคมเข้ารักษา 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง