มองข้าม Gen ไม่พิสูจน์ "ตัวผู้นำ" แต่วัดด้วย "ภาวะผู้นำ"

ภาวะผู้นำเดี๋ยวให้ประชาชนตัดสิน เราไม่อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำหรือไม่เป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครเราต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่น

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กล่าวกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังถูกถามถึงความพร้อมในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านเตรียมซักฟอกเรื่อง "ภาวะผู้นำ" ในสภาฯ

ก่อนจะย้ำปิดท้ายว่า เวทีนี้จะทำให้ประชาชนเข้าใจข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกฯ Gen Y ที่ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อน

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กล่าวกับสื่อมวลชนถึงการเตรียมความพร้อมรับอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2568

"นายกฯ Gen Y" ประโยคที่ทำให้คนฟังตีความไม่เหมือนกัน

ผศ.ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา อาจารย์ประจำศูนย์พัฒนาศักยภาพมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า คำพูดคำเดียวสามารถตีความได้หลายอย่าง และการสื่อสารแค่ประโยคเดียวก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนที่เราต้องการตีความ

ประโยคนี้เป็นไปได้ว่า อาจต้องการแสดงตัวตนว่าฉันคือคนรุ่นใหม่ หรืออาจเป็นการขอความเห็นใจหรือขอให้เข้าใจว่าฉันแตกต่างกับเธอ หรืออาจต้องการบอกว่าฉันอยู่ Gen Y เธอต้องเข้าใจ

อ่านข่าว : รู้จัก Millennials หรือ Gen Y ใครคือพวกเขา

เรื่อง Generation กับภาวะความเป็นผู้นำ ในมุมมองของ ผศ.ดร.จิตรา เห็นว่า สองสิ่งนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด หากจะบอกว่า Generation ไหนสามารถเป็นผู้นำได้ ก็อาจพูดได้เพียงว่า ลักษณะของคนทุก Generation มีความแตกต่างกัน แต่คุณลักษณะของตัวบุคคล ก็ไม่สามารถเอาตัวบุคคลนั้นเป็นตัวแทนของ Generation ได้ทั้งหมด และหากพูดถึง "ภาวะผู้นำ" ก็ต้องออกนอกกรอบคำว่า Generation เพราะจะเกิดการเปรียบเทียบได้

อย่าตกหลุมพลางคำว่า Gen ไม่เช่นนั้นจะเกิดความแตกแยกมากขึ้น กลายเป็นว่า Gen ไหนดีกว่าใครและ Gen ไหนนำประเทศได้ดีกว่า คำตอบคือไม่ใช่ เพราะ Gen ไม่ได้เป็นตัวพิสูจน์ แต่ศักยภาพ ภาวะผู้นำของคนนั้นต่างหากที่เป็นตัวพิสูจน์

ผศ.ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา

ผศ.ดร.จิตรา กล่าวต่อว่า หากจะเป็นผู้นำและเป็นผู้นำยุคใหม่ ต้องเป็น "ผู้นำที่กล้าที่จะกล้า" ให้ได้ก่อน ผู้นำในศตวรรษนี้ต้องกล้าคิดไปข้างหน้า มีเป้าหมายชัดเจนและกล้าทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง, กล้ารับฟังความเห็นต่างและกล้าฟังสิ่งที่ตัวเองไม่อยากได้ยิน

กล้าพัฒนาวิธีการใหม่ เริ่มตั้งแต่พัฒนาตัวเอง, กล้าปลดล็อกข้อจำกัดในการทำงาน และหากเป็นผู้นำ ต้องกล้ารับผิดชอบ มีความกล้าพอที่จะรับผิด รับชอบ ในคำพูดและคำมั่นสัญญาของตัวเอง

อ่านข่าว : 9 ผู้นำ Gen Y ภารกิจท้าทาย! คนรุ่นใหม่บนเวทีการเมืองโลก

แล้วคนที่จะเป็น "ผู้นำ" พร้อมหรือยัง? หากถูกดันขึ้นมาแล้วจะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ ความพร้อมไม่ได้หมายความว่าได้ทุก ๆ อย่าง เพราะไม่มีใครเก่งไปทุกอย่าง หรือบางสถานการณ์ก็ไม่สามารถพูดได้ว่า เราได้ผู้นำที่พร้อมที่สุด ยุคนี้มีคำว่า "ทีม" ไม่มีใครสำเร็จเพียงแค่คน ๆ เดียว เพราะฉะนั้นผู้นำที่ทำเป็น มีคนเป็นงานคอยช่วยเหลือ ต่อให้ยืนอยู่บนปากเหวก็จะหาวิธีจัดการได้ในที่สุด

หลายประเทศมีบุคคลขึ้นเป็นผู้นำอย่างรวดเร็ว เขาก็ต้องเตรียมพร้อม ทำการบ้านอย่างหนัก อ่าน ฟังและใช้เวลา เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด แม้หลาย ๆ คนที่ขึ้นมาเป็นผู้นำระดับประเทศจะบอกว่าเป็นครั้งแรกของเขาก็ตาม

ไม่มีผู้นำคนไหนทำถูกทุกเรื่อง และไม่มีผู้นำคนไหนทำผิดไปหมดทุกอย่าง แต่จะกล้ายอมรับหรือไม่ กล้ารับผิดและกล้ารับชอบหรือไม่ ตรงนี้ต่างหากคือสิ่งที่จะยืนยันได้ว่า นี่แหละผู้นำ

ส่วนองค์กรหรือแม้แต่รัฐบาลที่รวมคนหลากหลาย Generation จะทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างวัยหรือไม่ ผศ.ดร.จิตรามองว่า ในความเป็นจริงเหมือนกันก็มีปัญหา แตกต่างกันก็มีปัญหา และต่อให้เอาคน Generation เดียวกันทั้งหมดมาทำงานก็มีปัญหาได้เหมือนกัน

แต่สิ่งที่ทำได้มากกว่าคือ การมองข้ามคำว่า Generation เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ Generation แต่อยู่ที่คนทำงานกำลังคิดเรื่องอะไร หรือคิดถึงเป้าหมายใด ซึ่งภายใต้ปัญหาสามารถสร้างการเรียนรู้ ถกเถียงและหาข้อสรุปได้ หากกล้าคิดต่างและกล้ารับฟัง

อ่านข่าว : ส่อง ครม.แพทองธาร Gen Y 7 คน Baby boomer 16 คน อายุเฉลี่ย 56 ปี

ขณะที่แต่ละ Generation มีความแตกต่างเพราะภูมิหลังไม่เหมือนกัน และแม้จะมีลักษณะของ Generation อยู่จริง แต่คนใน Generation เดียวกันก็ไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน และ Generation ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นภาวะผู้นำ แต่ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นมีภาวะผู้นำพร้อมหรือไม่ หรือแสดงให้เห็นภาวะผู้นำในตัวตนหรือไม่ ไม่ใช่แค่เชื่อว่าตัวเองมีภาวะผู้นำ แต่ต้องทำให้ผู้อื่นรู้สึกด้วย

          ผู้นำสมัยหนึ่งเป็นผู้นำที่เรียกว่า "ชี้นำ" สั่งให้คนเชื่อ สั่งให้คนทำตาม เพราะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ลักษณะเช่นนี้เป็นผู้นำยุคโบราณ แต่ผู้นำยุคใหม่ต้องรับฟัง กล้าเปลี่ยนตัวเองก่อนเปลี่ยนคนอื่น มองเห็นศักยภาพของประชาชน สร้างคนเก่งและที่สำคัญต้องเรียนรู้ตลอดเวลา

ผศ.ดร.จิตรา กล่าวย้ำว่า Generation ไม่ใช่สิ่งที่จะบอกได้ว่าคนนั้นเป็นผู้นำที่ดีหรือไม่ ไม่ได้เป็นปัญหากับการรับรู้หรือการมองเห็นของประชาชน แต่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้นำโดยเฉพาะผู้นำประเทศ คือการพิสูจน์ให้เห็นพัฒนาการ

ถ้าไม่มีพัฒนาการให้คนอื่นเห็น แล้วยังใช้การแก้ตัว แก้ต่าง คนก็ไม่ยอมรับว่าคุณมีภาวะผู้นำ เขาอาจแค่รับรู้ว่าคุณเป็นผู้นำ แต่เขาไม่ยอมรับ การรู้ว่าคุณเป็นผู้นำกับการยอมรับว่าคุณเป็นผู้นำ...มันต่างกัน

อ่านข่าว :

นักรัฐศาสตร์แนะนายกฯ สู้ศึกซักฟอกสไตล์ "Gen Y" - อย่าเชื่อคนยุค "เบบี้บูมเมอร์"

สปสช. ยืนยันมะเร็งรักษาทุกที่ไม่ใช้ใบส่งตัว คลินิกไม่ต้องตามจ่าย

ปฏิทินมีนาคม 2568 ไร้วันหยุดแต่สร้าง "ความสุข" ที่ทำงานกันเถอะ