เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคน ออกมารวมตัวหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ของฟ็อกซ์ นิวส์ ในแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก พร้อมทั้งตะโกนส่งเสียงและถือป้ายข้อความกล่าวโจมตีสำนักข่าวนี้ รวมถึงที่ระบุว่า "ผู้ชมฟ็อกซ์ นิวส์ โดนหลอกแล้ว" และเรียกร้องให้ผู้คนเลิกดู รวมถึงเรียกร้องให้โค่นล้มและขับไล่ผู้มีอำนาจ ซึ่งรวมถึง อีลอน มัสก์ ด้วย
ผู้ประท้วงบางคน ระบุด้วยว่า ฟ็อกซ์ นิวส์ เป็นเสาหลักของลัทธิฟาสซิสต์ โดยเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของลัทธิฟาสซิสต์อย่างต่อเนื่อง
ส่วนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ประท้วงต่อต้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ออกมารวมตัวขับไล่ ทรัมป์ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครนด้วย ซึ่งภาพการประท้วงเหล่านี้ มีขึ้นก่อนที่ทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการกล่าวปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาและชาวอเมริกันทั่วประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีมาแล้ว 6 สัปดาห์

"เซเลนสกี" ยอมอ่อนข้อหลัง "ทรัมป์" ระงับช่วยเหลือ
ขณะที่โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน ออกมาเคลื่อนไหวครั้งแรก หลังทรัมป์ประกาศระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน โดยระบุว่า การปะทะคารมกับทรัมป์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น และเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง พร้อมระบุว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้อง และยูเครนต้องการให้การร่วมมือและการสื่อสารในอนาคตระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ เป็นไปอย่างสร้างสรรค์
เซเลนสกีระบุด้วยว่า ยูเครนพร้อมที่จะดำเนินการภายใต้ความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของผู้นำสหรัฐฯ เพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครน และย้ำว่าพร้อมที่จะลงนามในข้อตกลงที่จะแบ่งรายได้จากแร่ธาตุของยูเครนให้กับสหรัฐฯ หลังการเจรจาล่มจากการปะทะคารมดังกล่าว
นอกจากนี้เซเลนสกียังแสดงความซาบซึ้งต่อความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้ โดยระบุว่า ยูเครนให้ความสำคัญต่อสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเพื่อช่วยให้ยูเครนรักษาอำนาจอธิปไตยและเอกราชของประเทศไว้ได้ ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านรถถัง (Javelins) ที่สหรัฐฯ ขายให้ยูเครนหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งด้วย ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องให้มีการสงบศึก In the sea and sky เป็นก้าวแรกของการยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ทรัมป์สั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเป็นการชั่วคราว โดยระบุว่าอยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อให้แน่ใจว่า ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ มีส่วนในกระบวนการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้จริง ท่ามกลางความกังวลของยูเครนและชาติยุโรปว่า สหรัฐฯ กำลังเอนเอียงไปฝั่งรัสเซียมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลายประเทศวิจารณ์ "ทรัมป์" ระงับช่วยยูเครน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย รวมถึง นายกฯ ฝรั่งเศส ที่ระบุว่าการตัดสินระงับความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกโจมตี หมายความว่าสหรัฐฯ กำลังทอดทิ้งยูเครนและยอมให้รัสเซีย ซึ่งเป็นผู้รุกรานได้รับชัยชนะ พร้อมทั้งระบุว่าตอนนี้ยุโรปจำเป็นต้องเร่งสนับสนุนยูเครนเพื่อทดแทนความช่วยเหลือที่หายไปของสหรัฐฯ
ขณะที่ ปธน.โปแลนด์ กล่าวสุนทรพจน์ต่อสมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ โดยเรียกรัสเซียว่าเป็นผู้รุกราน พร้อมทั้งระบุว่ากฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือที่แข็งแกร่งที่สุดในการรับรองสันติภาพที่ยั่งยืน พร้อมทั้งหวังว่ายุโรปจะร่วมกันรับผิดชอบมากขึ้นในการรักษาความมั่นคง
ด้านสมาชิกรัฐสภายูเครน ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสั่งระงับความช่วยเหลือของทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นปัญหา และหวังว่าพันธมิตรในยุโรปจะช่วยบรรเทาความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับสหรัฐฯ ได้

ขณะที่ทหารยูเครนบางคน ระบุว่า จากมุมมองของทหารและประชาชนคนหนึ่ง ตนแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับยูเครนในสงครามครั้งนี้ รัสเซียยังคงเป็นศัตรู และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกและไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของยูเครนที่ต้องสูญเสียพันธมิตร ขณะที่บางคนมองว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการที่ผู้นำยูเครนปฏิเสธที่จะลงนามในข้อตกลงกับสหรัฐฯ และบางส่วนมองว่ายูเครนจะยังคงยืนหยัดได้โดยไม่มีสหรัฐฯ เพราะยุโรปได้ช่วยยูเครนไว้มากแล้ว และหากยูเครนร่วมกับยุโรป และยอมอยู่ภายใต้จีน สหรัฐฯ จะต้องตื่นตระหนกอย่างแน่นอน
ขณะที่รัสเซียออกมาชื่นชมการเคลื่อนไหวของทรัมป์ โดยโฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า การที่สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนชั่วคราวอาจมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตในยูเครน โดยอาจเป็นหนทางที่จะผลักดันให้ยูเครนเข้าสู่กระบวนการสันติภาพได้
อ่านข่าวอื่น :
ทองคำป่วน “สงครามการค้า” ปะทุ "สหรัฐฯ-จีน" เปิดฉากเก็บภาษีสินค้า
ทรัมป์สั่งระงับช่วย-หยุดส่งอาวุธยูเครน หลังปะทะเดือดทำเนียบขาว