วันนี้ (23 ก.พ.2568) ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วยหารจากกองกำลังบูรพา นำกำลังเข้าตรวจค้นโรงแรม ในอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามแผนยุทธการอรัญ 68 SEAL BORDER สืบภาค 2
หลังจากการข่าว พบว่าโรงแรมแห่งนี้ เป็นจุดที่ขบวนการคอลเซนเตอร์ ใช้เป็นที่พักของบัญชีม้า ก่อนเดินทางข้ามไปยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อใช้บัญชีหลอกให้คนไทยโอนเงิน
จากการเข้าตรวจค้น ไม่พบเจ้าของโรงแรม มีเพียงพนักงานดูแลที่พักอยู่ ซึ่งจากการสอบถามพนักงานอ้างว่า เจ้าของโรงแรมเดินทางไปประเทศกัมพูชา และไม่สามารถติดต่อได้
การเข้าตรวจค้นโรงแรมแห่งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะจากการสอบถามพนักงานดูแล ให้ข้อมูลว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจและทหารเคยเข้าตรวจค้นโรงแรมมาแล้ว เนื่องจากพบว่ามีบัญชีม้าเข้ามาพัก ก่อนข้ามแดนไปปอยเปต เพื่อไปเป็นหนึ่งในขบวนการคอลเซนเตอร์

ตำรวจ-ททารร่วมค้นโรงแรมแห่งหนึ่งฝั่งไทย หลังเบาะแสมีกลุ่มบัญชีม้ามาเช่าพัก
ตำรวจ-ททารร่วมค้นโรงแรมแห่งหนึ่งฝั่งไทย หลังเบาะแสมีกลุ่มบัญชีม้ามาเช่าพัก
พนักงานดูแลโรงแรมอ้างว่า โรงแรมแห่งหนึ่งเปิดถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนผู้รับบริการจะเข้าพัก จะให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและถ่ายบัตรประชาชนไว้
เราไม่รู้ว่าเขาเป็นบัญชีม้าหรือไม่ เพราะเขามาเปิดห้องพักแล้วจะทำอะไร เพราะกฎหมายให้ถ่ายบัตรประชาชนเข้าออกเท่านั้น
ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นภายในห้องพัก พบมีชาวอินโดนีเซียเข้าพัก 5 คนจากการตรวจสอบเอกสาร พบว่าเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องตามกฎหมาย แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบประวัติเพิ่มเติม
อ่านข่าว เปิดพฤติการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ "ดาวกองร้อยปอยเปต"

พบโรงแรมไม่มรีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการมีความผิด
พบโรงแรมไม่มรีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการมีความผิด
จากการตรวจสอบของฝ่ายปกครอง พบว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตในการประกอบธุรกิจโรงแรม ตามพ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 โดยมาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใด ประกอบธุรกิจโรงแรม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และมีโทษอาญาตามมาตรา 59 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 15 วรรค 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืน

พนักงานดูแล ระบุไม่ทราบผู้ใช้บริการว่ามาเปิดห้งพักทำอะไรผิดกฎหมายหรือไม่
พนักงานดูแล ระบุไม่ทราบผู้ใช้บริการว่ามาเปิดห้งพักทำอะไรผิดกฎหมายหรือไม่
ปราบหนักแก๊งคอลเซนเตอร์ฝั่งปอยเปต
ขณะที่เฟซบุ๊กปอยเปตนิวส์ อ้างว่าเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 22 ก.พ.ขณะที่ตำรวจกัมพูชาลงพื้นที่บุกจับแก๊งคอลในปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาพเหตุการณ์กลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติวิ่งหนีแตกตื่น เจ้าหน้าที่ไปคนละทิศละทาง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังจากที่ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปประชุมวางแผนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศกัมพูชา ยืนยันความร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยตรวจค้นจับกุมในจุดต่าง ๆ นำตัวคนไทยกลับมาลงโทษตามกฎหมาย และช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ พร้อมจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา

เหตุการณ์การบุกค้นรังฐานแก๊งคอลเซนเตอร์ในฝั่งปอยเปต กัมพูชา
เหตุการณ์การบุกค้นรังฐานแก๊งคอลเซนเตอร์ในฝั่งปอยเปต กัมพูชา
ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มาตรการ "ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน" ของไทย ส่งผลให้แก๊งคอลเซนเตอร์ย้ายฐานไปยังประเทศกัมพูชาแทน ฝ่ายความมั่นคงของไทย จึงปรับแผนการปราบปรามเพิ่มความร่วมมือไปยังประเทศกัมพูชา
"กัมพูชา-ลาว" ร่วมสกัดคอลเซนเตอร์ย้ายฐาน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า หลังความร่วมมือกับจีน และเมียนมาสามารถสกัดกั้นขบวนการคอลเซนเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลยังประสานงานกับ รัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศของ สปป.ลาว ยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง ปิดช่องโหว่การก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน และประสานกัมพูชา เพื่อป้องกันการย้ายฐานของเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ด้วย
อ่านข่าว จีนส่ง 16 เที่ยวบินรับ 1,041 คนจีนเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ เริ่ม 20 ก.พ.
คนไทย 109 คนร่วมแก๊งคอลเซนเตอร์กัมพูชา
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่า กรณีตำรวจกัมพูชาได้เข้ากวาดล้างอาร 3 ชั้นในพื้นที่ปอยเปต ซึ่งเป็นฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ได้ตัวชาวต่างชาติมากกว่า 200 คนหนึ่งเป็นชาวไทย 109 คน
ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธัชชัย ประสานข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ปอยเปต กับทางตำรวจกัมพูชา เพื่อให้ทางตำรวจกัมพูชากวาดล้าง และจับกุมอาคารที่เชื่อว่าเป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนนำมาสู่การกวาดล้างจับกุม

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์
ในส่วนของตำรวจ สอท.จะต้องรอการคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นจากหน่วยตำรวจตามชายแดนที่เป็นด่านหน้า เพื่อนำข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ และโทรศัพท์มือถือของคนไทยที่ให้การช่วยเหลือมาได้ มาตรวจสอบขยายผลต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้สั่งการหรือตัวเล็กก็ตาม
จีนชื่นชมไทย-เมียนมา ปราบคอลเซนเตอร์จริงจัง
สำนักข่าวซินหัว รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่าเผยจะมีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยพัวพันกับขบวนการฉ้อโกงและหลอกลวงออนไลน์ กลับไปยังจีนอย่างต่อเนื่องอีกหลายชุด
โดยรัฐบาลปักกิ่ง ชื่นชมมาตรการที่เข้มแข็งของไทย และเมียนมาในการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ รวมถึงปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ การพนันออนไลน์ และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมไม่ได้ทำประโยชน์ให้ฝ่ายใด และผู้เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับบทลงโทษตามกฎหมาย จีนมุ่งมั่นทำงานร่วมกับนานาประเทศ รวมถึงปฏิบัติการร่วมที่รวดเร็วและเฉียบขาด กับไทยและเมียนมา
อ่านข่าว
วันสุดท้าย ส่ง 128 เหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ กลับจีน