- ไขข้อสงสัย "เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่" พบได้ในอวัยวะใดบ้าง ?
- สปสช.แจงปมเคสรอคิวทำฟันเทียม 8 ปี ประสานรักษา รพ.ปากเกร็ด
วันนี้ (19 ก.พ.2568) พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง กล่าวถึงกรณีญาติคนไข้ชายก่อเหตุตบหน้าพยาบาลที่โรงพยาบาลระยอง ขณะปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลระยอง ตอนนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เป็นชายอายุ 46 ปี ทำงานอยู่ที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ขณะนี้แพทย์ส่งผลตรวจบาดแผลพยาบาลที่ถูกทำร้ายมาให้พนักงานสอบสวนแล้ว
พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกชายคนดังกล่าว เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ มีโทษมากกว่าเพื่อดำเนินคดี และหากออกหมายเรียกครบ 3 ครั้งตามกฎหมาย ถ้าไม่มาพบพนักงานสอบสวน ก็จะขอศาลออกหมายจับ แต่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน
ส่วนทนายเกิดผล แก้วเกิด ระบุว่า ทำร้ายพยาบาล เพราะปฏิบัติตามหน้าที่ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296" ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ถ้าความผิดนั้น มีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าว สธ.ไม่ยอมความสั่งเอาผิด "ชายมือตบ" พยาบาลระยอง
ขณะที่นพ.ภูษิต ทรัพย์สมพล ผอ.โรงพยาบาลระยอง กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยพยาบาลผู้อยู่ในเหตุการณ์ เดินทางเข้าพบกับนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำการ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อชี้แจ้งข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายธนฤต กล่าวว่า พยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า กรณีของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่สามารถระบาดได้ โดยผู้ป่วยมาด้วยอาการหนักต้องเข้าห้องผู้ป่วยวิกฤต (ไอซียู) โดยญาติของผู้ป่วยมาพร้อมกับภรรยา และมีเด็ก 3 คนจะเข้าเยี่ยม ทางพยาบาลคนที่ 1 เข้าไปเตือนพร้อมแจ้งว่าทางห้องไอซียูไม่อนุญาตให้นำเด็กเข้ามา เพราะอาจจะติดเชื้อ

พยาบาลแก้วหูอักเสบ-เสียขวัญ
จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินออกไป แต่ต่อมาภรรยาของผู้ก่อเหตุได้นำเด็กเข้ามาเพื่อเยี่ยมผู้ป่วย พยาบาลในห้องคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เข้าไปเตือนเช่นเดิม ไม่อนุญาตให้นำเด็กเข้าเยี่ยม ต่อมาสามี ซึ่งเป็นญาติผู้ป่วย ได้เข้าไปในห้องไอซียู และตรงเข้าไปตบหน้าพยาบาลคนที่ 2 ก่อนที่จะมีพยาบาลคนอื่นเข้ามาห้าม จากเรื่องที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ โดยได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองระยอง
นายธนกฤต กล่าวอีกว่า กรณีที่ญาติผู้ป่วยอ้างว่าพยาบาลใช้คำพูดรุนแรงในการเตือน จึงทำให้มีอารมณ์โมโห เรื่องนี้โดยปกติแล้วมีช่องทางในการดำเนินการ ไม่ควรใช้ความรุนแรง ซึ่งญาติหรือผู้ป่วยสามารถแจ้งหัวหน้างานของพยาบาลรายนั้นๆได้
และจนถึงขณะนี้ทางครอบครัวผู้ก่อเหตุ ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยกับทางโรงพยาบาล ในส่วนของพยาบาลผู้เสียหาย ขณะนี้มีอาการแก้วหูอักเสบ เพราะได้รับการกระทบกระเทือน และมีภาวะเครียดวิตกกังวล ซึ่งได้มอบหมายให้จิตแพทย์เข้าดูแลสภาพจิตใจผู้เสียหายแล้ว
ขณะที่พยาบาลผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ เธอได้เจอญาติผู้ป่วย ที่ก่อเหตุก่อนและได้เข้าไปเตือน ไม่อนุญาตให้นำเด็กเข้ามา เพราะในห้องมีผู้ป่วยติดเชื้อ
ขณะนั้นผู้ก่อเหตุยังปกติ เพียงถามว่าอาการคนป่วยเป็นอย่างไร ซึ่งทางพยาบาลได้อธิบายอาการ เช็ดตัวผู้ป่วย ขอให้ญาติรอข้างนอก ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ภายหลังมาทราบว่าญาติผู้ป่วยรายนี้ได้เข้าไปทำร้ายร่างกายพยาบาลอีกคน เนื่องจากไปเตือนภรรยาของเขา
ชี้ปมห้ามนำเด็กเล็กเข้าเยี่ยมในไอซียู
ด้าน นพ.ภูษิต กล่าวว่า ปกติห้องผู้ป่วยวิกฤตจะเปิดให้เข้าเยี่ยม 2 ช่วงเวลาคือช่วงเที่ยงกับช่วงเย็น และไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ เข้าเยี่ยมผู้ป่วยในห้องไอซียู เช่นในกรณีนี้ผู้ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจจะมีการแพร่เชื้อ โดยพยาบาลต้องสวมหน้ากาก N95 พร้อมใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อก่อนเข้าไปดูแลผู้ป่วย ดังนั้นจึงไม่ควรนำเด็กเล็กเข้าไปเพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
หลังจากนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้มีมาตรการให้บุคลากรทางการแพทย์ฝึกอบรมยุทธวิธีการป้องกันตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ตระหนักในการระวังความปลอดภัยมากขึ้น เพราะโรงพยาบาลถือเป็นสถานที่ที่ต้องได้รับความคุ้มครองและมีความปลอดภัยตามหลักสากล
อ่านข่าว :
ไทยหลุดประเทศเสี่ยงสูง "อากาศสุดขั้ว" จาก 9 เป็น 30
"ง่าย รวดเร็ว จองคิวออนไลน์" อัปเดตขั้นตอนทำพาสปอร์ตไทย 2568
เสน่ห์ "ปาย" เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ