"ตากระตุก ขวาร้ายซ้ายดี" เป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน หลายคนคงเคยได้ยินผู้ใหญ่เตือนว่า
- หาก ตาขวากระตุก อาจเป็นลางบอกเหตุร้าย เช่น จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง เสียเงิน หรือได้รับข่าวร้าย
- ขณะที่หาก ตาซ้ายกระตุก มักเชื่อกันว่าจะมีโชคลาภ หรือได้รับข่าวดี
ความเชื่อนี้ถูกถ่ายทอดกันปากต่อปาก และในบางครั้งผู้คนก็นำอาการตากระตุกไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่น หากวันนั้นเกิดปัญหาขึ้นจริง ก็จะยิ่งทำให้เชื่อมั่นว่า "ตาขวากระตุกคือสัญญาณร้าย"
แม้ความเชื่อนี้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ บางคนถึงขั้นนำอาการตากระตุกไปเสี่ยงโชค หรือใช้เป็นตัวชี้นำในการตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่วิทยาศาสตร์ อาการตากระตุกไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถอธิบายได้จากกลไกของร่างกาย เมื่อกล้ามเนื้อรอบดวงตาหดตัวโดยไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด การใช้สายตามากเกินไป หรือภาวะขาดสารอาหาร
- ริดสีดวงทวาร คืออะไร เช็กอาการที่บ่งบอก การรักษา และป้องกัน
- "รางจืด" สมุนไพรฤทธิ์เย็น ใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์ - ข้อควรระวัง
แทนที่จะตีความอาการตากระตุกเป็นลางบอกเหตุ อาจถึงเวลาที่เราควรหันมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลัง ว่าทำไมเปลือกตาของเราถึงกระตุก และเมื่อไหร่ที่อาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อาการตากระตุกคืออะไร ?
ตากระตุก (Eyelid Twitching) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อรอบดวงตาหดตัวและกระตุกโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวเป็นเวลาไม่กี่วินาที หรือในบางกรณีอาจกระตุกต่อเนื่องเป็นนาทีหรือชั่วโมง อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับเปลือกตาบนหรือเปลือกตาล่าง และโดยทั่วไปมักไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม
แต่หากอาการตากระตุกเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือลุกลามไปยังส่วนอื่นของใบหน้า อาจเป็นสัญญาณของภาวะทางระบบประสาทที่ต้องได้รับการตรวจสอบจากแพทย์

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
สาเหตุของตากระตุก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการตากระตุกมีหลายอย่าง โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ความเครียดและความเหนื่อยล้า ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณดวงตา นอกจากนี้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนล้าและเกิดการกระตุกผิดปกติ อีกทั้ง การใช้สายตามากเกินไป เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือ อ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ดวงตาเมื่อยล้าและเกิดการกระตุกได้ง่ายขึ้น
อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดก็มีผลต่ออาการตากระตุกเช่นกัน คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ อาจกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติได้ ในขณะที่ ภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะ แมกนีเซียม วิตามินบี และโพแทสเซียม อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อไม่สมดุล นอกจากนี้ ภูมิแพ้ทางตา หรือการระคายเคืองจากฝุ่น ควัน หรือการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาด อาจทำให้กล้ามเนื้อตากระตุกเพื่อตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
การรักษาและป้องกันตากระตุก
โดยทั่วไป อาการตากระตุกมักหายไปเองเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และลดปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ เช่น ลดความเครียด หลีกเลี่ยงคาเฟอีน และให้ดวงตาได้พักบ้างระหว่างทำงาน
หากอาการยังคงอยู่ ให้ลองบริหารกล้ามเนื้อตาด้วยการหลับตาแล้วลืมตาช้า ๆ ใช้ผ้าประคบอุ่นบริเวณดวงตา หรือรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมและวิตามินบีสูง เช่น ผักใบเขียว กล้วย ถั่ว และ ปลา
อย่างไรก็ตาม หากตากระตุกเกิดขึ้นบ่อย ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หนังตาตก กล้ามเนื้อกระตุกลามไปที่ใบหน้า หรือมีอาการชาที่บริเวณดวงตา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของโรคทางระบบประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกเรื้อรัง (Hemifacial Spasm) หรือ ภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลาง เช่น โรคพาร์กินสัน
แม้ว่าความเชื่อเกี่ยวกับ "ขวาร้ายซ้ายดี" จะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมไทยมานาน แต่ในทางการแพทย์ อาการตากระตุกสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการเป็นลางบอกเหตุ สิ่งสำคัญคือ เราควรใส่ใจกับสาเหตุของอาการนี้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ดวงตาและร่างกายแข็งแรงมากขึ้น แทนที่จะกังวลกับโชคชะตา
หากมีอาการตากระตุกที่ผิดปกติ อย่ามองข้าม
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความมั่นใจและป้องกันภาวะที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในอนาคต

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวอื่น :
ถูกทอดทิ้ง ? สหรัฐฯ เร่งเจรจากับรัสเซีย ไม่รอยุโรป-ยูเครน