ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ชาวนาทั่ว ปท.จ่อบุกทำเนียบ 20 ก.พ.ร้องราคาข้าวตกหนัก

เศรษฐกิจ
17 ก.พ. 68
14:06
1,065
Logo Thai PBS
ชาวนาทั่ว ปท.จ่อบุกทำเนียบ 20 ก.พ.ร้องราคาข้าวตกหนัก
อ่านให้ฟัง
08:48อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“พิชัย” สั่ง "ค้าภายใน" ประชุมอนุนบข.20 ก.พ.ก่อนชงนบข.พิจารณาช่วยเหลือชาวนาเร่งด่วน พร้อมเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก ดีเดย์ จ.อยุธยา 16 – 20 ก.พ. หวังดึงราคาข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 100-200 บาทต่อตัน ด้านชาวนาทั่วปท.เตรียมบุกทำเนียบ 20 ก.พ.นี้

วันนี้ (17ก.พ.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายใน เร่งจัดประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด ร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาข้าวนาปรัง ที่ได้รับผลกระทบด้านราคาข้าวขาวในตลาดโลก ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์

นายพิชัยกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เร่งช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบทางด้านราคา ด้วยเหตุอินเดียกลับมาส่งออกข้าว ประกอบกับการที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ลดการนำเข้าข้าวด้วย ซึ่งทำให้ข้าวไทยได้รับผลกระทบดังกล่าว

กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน เร่งจัดประชุมคณะอนุกรรมการโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาด เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ นบข. พิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปให้พี่น้องเกษตรกรโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ดำเนินการคู่ขนานทันทีฃจัดตลาดนัดข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/68 ตั้งแต่ ก.พ.-เม.ย.ปี 2568 มีแผนที่จะจัดตลาดนัดข้าวเปลือกอีก 14 ครั้ง เพื่อดึงราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้น ใน 8 จังหวัด คือ อ่างทอง สุรินทร์ สิงห์บุรี พิษณุโลก สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี และนครราชสีมา

โดยตั้งเป้าว่า โครงการตลาดนัดข้าวเปลือก จะช่วยดันราคาขายข้าวของเกษตรกรให้ปรับเพิ่มขึ้นได้ 100-200 บาท/ตัน โดย จ.พระนครศรีอยุธยา จะได้จัดตลาดนัดครั้งที่ 1 ในวันที่ 16-20 ก.พ.2568 ซึ่งการจัดตลาดนัดข้าวเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการแข่งขัน ช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น เป็นการเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร และสร้างอำนาจต่อรองในการกระจายข้าวเปลือกมากขึ้น

ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เร่งดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งข้าวนาปรังทยอยออกสู่ตลาด และจะได้ประสานชาวนาในแต่ละพื้นที่ เพื่อร่วมกันวางแผนกำหนดจุดจัดตลาดนัดข้าวเปลือกให้ตรงกับปริมาณผลผลิตที่ออก และช่วงเวลา ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า เห็นใจและเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก ที่ต้องประสบกับปัญหาเรื่องราคาข้าวเปลือกเจ้าตกต่ำลดลงจากสถานการณ์ตลาด แต่ก็ไม่สบายใจ ไม่เห็นด้วยที่พี่น้องเกษตรกรจะมาประท้วงโดยการปิดถนนเพื่อกดดันภาครัฐ

เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวมซึ่งเรื่องนี้ต้องระมัดระวัง โดยสมาคมฯไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องถึงความเดือดร้อน และแนวทางแก้ไขเรื่องดังกล่าว

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย

ทั้งนี้ สมาคมฯได้ผลักดันให้มีการเสนอมาตรการผ่านทางคณะกรรมการแล้ว โดยวันที่ 17 ก.พ.2568 ทางสมาคมฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล รมว.พาณิชย์ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้มีการเร่งหาวิธีแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

สำหรับเรื่องปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผา ที่ภาครัฐมีมาตรการเข้มงวด ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการบริหารจัดการแปลงนาเพิ่มขึ้นไร่ละประมาณ 500 บาท ก็ได้เสนอให้ภาครัฐได้ช่วยเหลือเช่นกัน ในคราวเดียวกัน

ในเบื้องต้นทางกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แจ้งว่าจะมีการประชุมอนุตลาด นบข เพื่อพิจารณาปัญหาดังกล่าว ในวันที่ 20 ก.พ.2568 รวมถึงจะมีมาตรการให้จัดตลาดนัดข้าวเปลือกในจังหวัดที่มีปัญหา

สำหรับสถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปี 2567/68 คาดว่าจะมีปริมาณรวม 6.53 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 1.08 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปีก่อนที่มีปริมาณอยู่ที่ 5.45 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนด้านผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในเดือน ก.พ.2568

โดยจะออกกระจุกตัวช่วง มี.ค.-เม.ย.2568 ประมาณ 68 % หรือ 4.42 ล้านตัน สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 14 ก.พ.2568 อยู่ที่ 8,300 – 9,000 บาท/ตัน (เฉลี่ยอยู่ที่ 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงเทียบกับ ปีก่อนที่ 12,500 บ/ตัน หรือลดลง30%)

ทั้งนี้ ราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ก.ย.2567 เป็นต้นมา เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวตามปกติ รวมทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีแนวโน้มนำเข้าลดลงจากการเก็บสต๊อกที่เพียงพอแล้ว ทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวขาวจากไทยชะลอตัว จึงได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาในปี 2565 ช่วงก่อนที่อินเดียจะงดการส่งออกข้าว

สำหรับสถานการณ์ราคาปัจจุบัน (14 ก.พ.2568) ของข้าวชนิดอื่นๆ ยังคงทรงตัว แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ย 16,000 บาท/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,850 บาท/ตัน (เพิ่มขึ้น 8%) ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ย 13,250 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 13,300 บาท/ตัน (ลดลง 0.4 %) ข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ย 12,100 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 14,400 บาท/ตัน (ลดลง 16%) และข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 8,700 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,500 บาท/ตัน (ลดลง 30 %)

ด้านชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่า ขณะนี้ราคาข้าวตกลงทุกวันวันละ 200 บาทต่อตัน ขณะที่ราคาที่โรงสีรับซื้ออยู่ที่ 6,800 บาทต่อตันความชื้น 15 %  ซึ่งถือว่าต่ำกว่ารัฐบาลชุดก่อนมากที่ราคา เฉลี่ย 11,000-12,000 บาทต่อตัน ทั้งนี้ วันที่ 19 ก.พ.2568 ชาวนาทั่วประเทศเตรียมจะไปทำเนียบเพื่อขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาข้าวราคาตก และการที่ รมว.พาณิชย์จะมีการประชุมในวันที่ 20 ก.พ. มองว่าล่าช้าไป เพราะชาวนาเริ่มเกี่ยวผลผลิตข้าวแล้ว 

อ่านข่าว: 

 "ต้นไม้" หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทางเลือก (สีเขียว)สินเชื่อ คนร้อนเงิน

ม็อบชาวนาบุกพณ. จี้รัฐแก้ราคาตกต่ำ เสนอ 2 มาตรการเร่งด่วน

ราคาข้าวร่วงหนัก ค้าภายในจัดตลาดนัดข้าวเปลือกดันราคา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง