การปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ของภาครัฐครั้งนี้เข้มข้นมากขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตัดไฟที่ส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน ตัดสัญญาณสื่อสารที่มีการลักลอบส่งไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เพื่อหวังตัดตอนองค์กรอาชญากรรมที่มีชาวต่างชาติอยู่เบื้องหลัง ทั้งขบวนการคอลเซนเตอร์ ค้ามนุษย์และเครือข่ายเว็บไซต์การพนัน ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมทางออนไลน์ที่สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล
อ่านข่าว : ด่วน! กฟภ.ตัดไฟ 5 จุดเมียนมา 20.3 เมกะวัตต์สกัดคอลเซนเตอร์
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดตัวเลขแจ้งความออนไลน์ คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สถิติความเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 12 ก.พ.2568 มีคดีออนไลน์ 43,217 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 3,427,953,493 บาท
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpCbPFuDq2h74rXVwizLehEiOM.jpg)
ก่อนหน้านี้ศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปสถิติการแจ้งความออนไลน์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565 - 31 ธ.ค.2567 มีคดีออนไลน์ 773,118 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 79,569,412,608 บาท โดยมีคดีที่ได้รับแจ้งมากที่สุด 5 ประเภทคดี ดังนี้
- หลอกซื้อขายสินค้า-บริการ (ไม่เป็นขบวนการ) 365,075 คดี ความเสียหาย 5,035,793,009 บาท
- หลอกทำภารกิจ-รายได้เสริม 98,139 คดี ความเสียหาย 12,259,745,775 บาท
- หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 74,147 คดี ความเสียหาย 3,586,095,339 บาท
- หลอกให้ลงทุนผ่านคอมพิวเตอร์ 51,881 คดี ความเสียหาย 28,441,508,012 บาท
- ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) 51,678 คดี ความเสียหาย 10,761,310,285 บาท
"แจ้งความออนไลน์" มีช่องทางเดียว!
สำหรับการแจ้งความออนไลน์ หากประชาชนตกเป็นเหยื่อสามารถแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ (เฉพาะคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น และหากมีข้อสงสัยสามารถโทรปรึกษาสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ย้ำ! ไม่รับแจ้งความผ่นเฟซบุ๊ก (Facebook), ไม่รับแจ้งความผ่านแชทไลน์ (Line) และไม่รับแจ้งความผ่าน Direct Message (DM) ของแอปฯ ใด ๆ ทั้งสิ้น
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpCbPFuDq2h74vGGML12eXOUkM.jpg)
"ภัยการเงิน" ผู้บริโภคร้องเรียนอันดับ 1
ด้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยสถานการณ์ผู้บริโภคในปี 2567 ได้รับเรื่องร้องเรียน 1,361 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 221,031,763 บาท โดยหากคิดตามมูลค่าความเสียหายแล้ว "ภัยการเงิน" ถือเป็นต้นเหตุที่สร้างความเสียหายต่อผู้บริโภคมากเป็นอันดับ 1 ในปีดังกล่าว มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อมูลจากฐานระบบของฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บันทึกสถิติการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย
ฝีมือของแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ มาล่อลวงและขู่กรรโชก ทำให้เหยื่อตกใจและติดกับดัก เช่น ปลอมเป็นตำรวจวิดีโอคอลโดยใช้เทคโนโลยี Deepfake, ตั้งโปรแกรมควบคุมเครื่องระยะไกลโดยส่งลิงก์ให้เหยื่อกดเพื่อดูดเงินจากบัญชีธนาคาร, สร้างเว็บไซต์ปลอมแอบอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ
อ่านข่าว : ย้อนไทม์ไลน์ "เด็ดปีก" แก๊งคอลเซนเตอร์
นายธนัช ธรรมมิกสกุล หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิฯ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ระบุว่า มีผู้เสียหายจำนวนมากเจอกับดักเพจของตำรวจปลอม โดยใช้ชื่อ รูปภาพและเนื้อหาที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นเพจอย่างเป็นทางการของหน่วยงานตำรวจ จึงมีผู้ร้องเรียนให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่สำคัญในยุคดิจิทัล ซึ่งผู้บริโภคมักตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์
ขณะเดียวกันการแจ้งเตือนและการดำเนินการอย่างทันท่วงทีของผู้ร้อง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการปกป้องสิทธิของตนเองและป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม
"แบงก์ชาติ" เข้มจัดการ "ปิดปากม้า"
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ มีมาตรการยกระดับจัดการบัญชีม้าเพิ่มเติม 3 มาตรการ คือ 1. กวาดล้างบัญชีม้าให้ได้มากขึ้น โดยปรับเงื่อนไขการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้าให้เข้มข้น พิจารณาพฤติกรรมการโอนและมูลค่าของธุรกรรม สามารถจัดการกับบัญชีม้าได้แม้ยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย
มาตรการที่ 2 จัดการบัญชีม้าระดับบุคคล ธนาคารต้องระงับการโอนเงินเข้า-ออกจากบัญชีม้า รวมถึงบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง ปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ให้ผู้มีพฤติกรรมต้องสงสัย และแจ้งเตือนใหผู้โอนรู้ตัวว่าอาจกำลังโอนเงินไปบัญชีม้า เพื่อป้องกันความเสียหายตั้งแต่ต้น
มาตรการที่ 3 ขยายการจัดการโดยให้ธนาคารแลกเปลี่ยนรายชื่อบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยระหว่างกัน แม้ยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จากเดิมที่แลกเปลี่ยนเฉพาะรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดตามฐานข้อมูลสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และรายชื่อบุคคลที่ถูกแจ้งความหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินทุจริตเท่านั้น
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpCbPFuDq2h74yd7XMf9jG6Jyh.jpg)
ทั้งนี้ ในปี 2567 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการระงับบัญชีม้า ตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซนเตอร์ โดยมีสถิติการระงับบัญชีม้าจนถึงเดือน ธ.ค. รวมกว่า 1,660,000 กว่าบัญชี
นอกจากนี้ยังขยายผลจับกุมเจ้าของบัญชีม้า โดยสถิติผลการจับกุมบัญชีม้า-ซิมม้าที่เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 พบว่า ในปี 2567 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค.มีการจับกุมบัญชีม้ารวม 2,495 คน เฉพาะในเดือน ธ.ค.2567 จับกุม 328 คน
อ่านข่าว
ธปท.เริ่มมาตรการ "ปิดปากม้า" คุมเข้มบัญชี สกัดคอลเซนเตอร์