ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ถ้าเราเป็น “มะเร็ง” ต้องรักษายังไงบ้าง

สังคม
10 ก.พ. 68
13:32
258
Logo Thai PBS
ถ้าเราเป็น “มะเร็ง” ต้องรักษายังไงบ้าง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“มะเร็ง” เป็นโรคที่เกิดกับคนได้ในทุกเพศทุกวัย และแทบจะทุกอวัยวะในร่างกายของคนเรา ทั้งมะเร็งสมอง มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งกล้ามเนื้อ มะเร็งเม็ดเลือดแดง ฯลฯ

             มีงานวิจัยระบุว่า มะเร็งเกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ ขณะที่ส่วนหนึ่งบอกว่า โรคมะเร็ง คือ โรคที่เกิดจากการมีเซลล์ผิดปกติในร่างกาย และเซลล์เหล่านี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เกินปกติ จนร่างกายควบคุมไม่ได้

เซลล์เหล่านี้จึงลุกลาม และแพร่กระจายทั่วร่างกาย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด

“มะเร็ง” เป็นโรคที่ยังไม่มียารักษา แต่ยับยั้งการแพร่กระจายได้ ซึ่งหลังจากแพทย์พบว่า ร่างกายของเราผิดปกติ จะเริ่มตรวจร่างกาย เพื่อเริ่มต้นการรักษา

กระบวนการรักษามะเร็ง

การรักษามะเร็งเป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ดังนั้นการรักษาจะเป็นการผสมผสานหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ด้านล่างนี้คือขั้นตอนการรักษามะเร็งที่ละเอียดและครอบคลุม รวมถึงแหล่งอ้างอิง

1.การวินิจฉัยมะเร็ง (Cancer Diagnosis)
ขั้นตอนการวินิจฉัยมะเร็ง เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรักษา โดยการวินิจฉัยมักประกอบด้วยการตรวจสอบอาการและการทำการทดสอบต่าง ๆ ดังนี้

  • การตรวจร่างกาย: แพทย์จะทำการตรวจหาก้อนหรืออาการที่ผิดปกติ เช่น ความผิดปกติของผิวหนังหรือการเปลี่ยนแปลงในอวัยวะต่าง ๆ

  • การตรวจเลือด: การตรวจหามาร์กเกอร์มะเร็งในเลือด เช่น การตรวจค่า PSA สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือการตรวจ CEA สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ (American Cancer Society, 2021)

  • การถ่ายภาพ: เช่น เอ็กซเรย์ (X-ray), การตรวจ CT scan, MRI, หรืออัลตราซาวด์ เพื่อดูลักษณะของก้อนมะเร็ง

  • การส่องกล้อง (Endoscopy): เช่น การส่องกล้องตรวจในลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) หรือการส่องกล้องกระเพาะอาหาร (Gastroscopy)

  • การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): โดยการนำตัวอย่างเนื้อเยื่อจากก้อนมะเร็งไปตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

(แหล่งอ้างอิง : American Cancer Society.(2021). How is cancer diagnosed? Retrieved from www.cancer.org)

2.การประเมินระยะของมะเร็ง (Staging of Cancer)
การประเมินระยะของมะเร็ง (Staging) เป็นการประเมินว่าโรคมะเร็งอยู่ในระยะไหน ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยมีการแบ่งระยะของมะเร็ง ดังนี้ 

ระยะที่ 1 : มะเร็งยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เริ่มต้น และยังไม่แพร่กระจาย
ระยะที่ 2 : มะเร็งเริ่มขยายขนาดและอาจแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ 3 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
ระยะที่ 4 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย

การใช้ การตรวจภาพถ่าย เช่น CT scan, MRI, หรือ PET scan ช่วยในการประเมินการแพร่กระจายของมะเร็ง (National Cancer Institute, 2020)

(แหล่งอ้างอิง: National Cancer Institute.(2020). Cancer Staging. Retrieved from www.cancer.gov)

3.การเลือกวิธีการรักษามะเร็ง (Cancer Treatment Options)
หลังจากการประเมินระยะของมะเร็งแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งประกอบด้วยหลายวิธีหลัก

3.1 การผ่าตัด (Surgery)

  • วิธีการ : การผ่าตัดเป็นการรักษามะเร็งที่ใช้ในการกำจัดก้อนมะเร็งออกจากร่างกาย

  • กรณีการใช้ : ใช้ในกรณีที่มะเร็งยังอยู่ในระยะเริ่มต้นหรือมะเร็งที่สามารถกำจัดได้ เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่

  • การผ่าตัดที่เกี่ยวข้อง : อาจเป็นการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกทั้งหมด หรือการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการ เช่น การผ่าตัดลดขนาดของเนื้องอกก่อนการทำเคมีบำบัด

(แหล่งอ้างอิง : American Cancer Society. (2021). Surgery for Cancer. Retrieved from www.cancer.org)

3.2 การฉายแสง (Radiation Therapy)

  • วิธีการ : ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการฉายแสงมักจะใช้หลังการผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ หรือใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้

  • กรณีการใช้ : ใช้ในกรณีมะเร็งที่มีก้อนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือมะเร็งที่มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
    ประเภทของการฉายแสง : การฉายแสงภายนอก (External beam radiation) และการฉายแสงภายใน (Brachytherapy)
    (แหล่งอ้างอิง : National Cancer Institute. (2020). Radiation Therapy for Cancer. Retrieved from www.cancer.gov)

3.3 เคมีบำบัด (Chemotherapy)

  • วิธีการ : ใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการเคมีบำบัดสามารถใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น การผ่าตัดหรือการฉายแสง

  • กรณีการใช้ : ใช้เมื่อมะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ หรือไม่สามารถผ่าตัดได้

  • การให้ยา : สามารถให้ยาเคมีบำบัดได้ทางหลอดเลือด (IV) หรือทางปาก

3.4 การรักษาด้วยฮอร์โมน (Hormone Therapy)

  • วิธีการ : การใช้ฮอร์โมนหรือยาที่มีผลในการหยุดการทำงานของฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก

  • กรณีการใช้ : ใช้ในมะเร็งที่รับผลจากฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านมชนิดที่มีตัวรับฮอร์โมน (ER-positive)

3.5 การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)

  • วิธีการ : ใช้ยาเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้

  • กรณีการใช้ : ใช้ในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) หรือมะเร็งปอด

3.6 การรักษาด้วยเป้าหมาย (Targeted Therapy)

  • วิธีการ : ใช้ยาที่มุ่งเป้าไปที่เซลล์มะเร็งหรือกระบวนการทางพันธุกรรมที่ทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโต

  • กรณีการใช้ : ใช้ในมะเร็งบางชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม เช่น มะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์เล็ก

3.7 การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplant)

  • วิธีการ : ใช้เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันหลังจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการฉายแสงที่ทำลายเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก

4. การติดตามผลและการดูแลระยะยาว (Follow-up Care)

  • การติดตามผล : หลังการรักษาผู้ป่วยจะต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจสอบว่ามะเร็งกลับมาใหม่หรือไม่ โดยการตรวจเลือด การถ่ายภาพ หรือการตรวจร่างกาย

  • การดูแลสุขภาพ : การรักษาด้วยวิธีการเสริมสุขภาพ เช่น การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการดูแลสภาพจิตใจเพื่อลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาพ

    การรักษามะเร็งเป็นกระบวนการที่ต้องมีการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และการดูแลติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังการรักษา

(แหล่งอ้างอิง: National Cancer Institute. (2020). Targeted Therapy for Cancer. Retrieved from www.cancer.gov)

อ่านข่าว : 

วันมาฆบูชา 2568 เปิดพิกัดวัดใกล้รถไฟฟ้า "เวียนเทียน-ไหว้พระ"

กสทช.สั่งรื้อเสาสัญญาณโทรศัพท์ ตัดวงจรคอลเซนเตอร์ปอยเปต

12 ก.พ.นี้ วันมาฆบูชา ขึ้นฟรีทางด่วน 3 สายทาง 61 ด่าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง