มีงานวิจัยระบุว่า มะเร็งเกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ ขณะที่ส่วนหนึ่งบอกว่า โรคมะเร็ง คือ โรคที่เกิดจากการมีเซลล์ผิดปกติในร่างกาย และเซลล์เหล่านี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เกินปกติ จนร่างกายควบคุมไม่ได้
เซลล์เหล่านี้จึงลุกลาม และแพร่กระจายทั่วร่างกาย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด
“มะเร็ง” เป็นโรคที่ยังไม่มียารักษา แต่ยับยั้งการแพร่กระจายได้ ซึ่งหลังจากแพทย์พบว่า ร่างกายของเราผิดปกติ จะเริ่มตรวจร่างกาย เพื่อเริ่มต้นการรักษา
กระบวนการรักษามะเร็ง
การรักษามะเร็งเป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ดังนั้นการรักษาจะเป็นการผสมผสานหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ด้านล่างนี้คือขั้นตอนการรักษามะเร็งที่ละเอียดและครอบคลุม รวมถึงแหล่งอ้างอิง
1.การวินิจฉัยมะเร็ง (Cancer Diagnosis)
ขั้นตอนการวินิจฉัยมะเร็ง เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรักษา โดยการวินิจฉัยมักประกอบด้วยการตรวจสอบอาการและการทำการทดสอบต่าง ๆ ดังนี้
- การตรวจร่างกาย: แพทย์จะทำการตรวจหาก้อนหรืออาการที่ผิดปกติ เช่น ความผิดปกติของผิวหนังหรือการเปลี่ยนแปลงในอวัยวะต่าง ๆ
- การตรวจเลือด: การตรวจหามาร์กเกอร์มะเร็งในเลือด เช่น การตรวจค่า PSA สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือการตรวจ CEA สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ (American Cancer Society, 2021)
- การถ่ายภาพ: เช่น เอ็กซเรย์ (X-ray), การตรวจ CT scan, MRI, หรืออัลตราซาวด์ เพื่อดูลักษณะของก้อนมะเร็ง
- การส่องกล้อง (Endoscopy): เช่น การส่องกล้องตรวจในลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) หรือการส่องกล้องกระเพาะอาหาร (Gastroscopy)
- การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): โดยการนำตัวอย่างเนื้อเยื่อจากก้อนมะเร็งไปตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
(แหล่งอ้างอิง : American Cancer Society.(2021). How is cancer diagnosed? Retrieved from www.cancer.org)
2.การประเมินระยะของมะเร็ง (Staging of Cancer)
การประเมินระยะของมะเร็ง (Staging) เป็นการประเมินว่าโรคมะเร็งอยู่ในระยะไหน ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยมีการแบ่งระยะของมะเร็ง ดังนี้
ระยะที่ 1 : มะเร็งยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เริ่มต้น และยังไม่แพร่กระจาย
ระยะที่ 2 : มะเร็งเริ่มขยายขนาดและอาจแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ 3 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
ระยะที่ 4 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย
การใช้ การตรวจภาพถ่าย เช่น CT scan, MRI, หรือ PET scan ช่วยในการประเมินการแพร่กระจายของมะเร็ง (National Cancer Institute, 2020)
(แหล่งอ้างอิง: National Cancer Institute.(2020). Cancer Staging. Retrieved from www.cancer.gov)
3.การเลือกวิธีการรักษามะเร็ง (Cancer Treatment Options)
หลังจากการประเมินระยะของมะเร็งแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งประกอบด้วยหลายวิธีหลัก
3.1 การผ่าตัด (Surgery)
- วิธีการ : การผ่าตัดเป็นการรักษามะเร็งที่ใช้ในการกำจัดก้อนมะเร็งออกจากร่างกาย
- กรณีการใช้ : ใช้ในกรณีที่มะเร็งยังอยู่ในระยะเริ่มต้นหรือมะเร็งที่สามารถกำจัดได้ เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่
- การผ่าตัดที่เกี่ยวข้อง : อาจเป็นการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกทั้งหมด หรือการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการ เช่น การผ่าตัดลดขนาดของเนื้องอกก่อนการทำเคมีบำบัด
(แหล่งอ้างอิง : American Cancer Society. (2021). Surgery for Cancer. Retrieved from www.cancer.org)
3.2 การฉายแสง (Radiation Therapy)
- วิธีการ : ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการฉายแสงมักจะใช้หลังการผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ หรือใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
- กรณีการใช้ : ใช้ในกรณีมะเร็งที่มีก้อนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือมะเร็งที่มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
ประเภทของการฉายแสง : การฉายแสงภายนอก (External beam radiation) และการฉายแสงภายใน (Brachytherapy)
(แหล่งอ้างอิง : National Cancer Institute. (2020). Radiation Therapy for Cancer. Retrieved from www.cancer.gov)
3.3 เคมีบำบัด (Chemotherapy)
- วิธีการ : ใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการเคมีบำบัดสามารถใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น การผ่าตัดหรือการฉายแสง
- กรณีการใช้ : ใช้เมื่อมะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ หรือไม่สามารถผ่าตัดได้
- การให้ยา : สามารถให้ยาเคมีบำบัดได้ทางหลอดเลือด (IV) หรือทางปาก
3.4 การรักษาด้วยฮอร์โมน (Hormone Therapy)
- วิธีการ : การใช้ฮอร์โมนหรือยาที่มีผลในการหยุดการทำงานของฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก
- กรณีการใช้ : ใช้ในมะเร็งที่รับผลจากฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านมชนิดที่มีตัวรับฮอร์โมน (ER-positive)
3.5 การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)
- วิธีการ : ใช้ยาเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้
- กรณีการใช้ : ใช้ในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) หรือมะเร็งปอด
3.6 การรักษาด้วยเป้าหมาย (Targeted Therapy)
- วิธีการ : ใช้ยาที่มุ่งเป้าไปที่เซลล์มะเร็งหรือกระบวนการทางพันธุกรรมที่ทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโต
- กรณีการใช้ : ใช้ในมะเร็งบางชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม เช่น มะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์เล็ก
3.7 การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplant)
- วิธีการ : ใช้เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันหลังจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการฉายแสงที่ทำลายเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก
4. การติดตามผลและการดูแลระยะยาว (Follow-up Care)
- การติดตามผล : หลังการรักษาผู้ป่วยจะต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจสอบว่ามะเร็งกลับมาใหม่หรือไม่ โดยการตรวจเลือด การถ่ายภาพ หรือการตรวจร่างกาย
- การดูแลสุขภาพ : การรักษาด้วยวิธีการเสริมสุขภาพ เช่น การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการดูแลสภาพจิตใจเพื่อลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาพ
การรักษามะเร็งเป็นกระบวนการที่ต้องมีการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และการดูแลติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังการรักษา
(แหล่งอ้างอิง: National Cancer Institute. (2020). Targeted Therapy for Cancer. Retrieved from www.cancer.gov)
อ่านข่าว :
วันมาฆบูชา 2568 เปิดพิกัดวัดใกล้รถไฟฟ้า "เวียนเทียน-ไหว้พระ"