นโยบาย "มะเร็งรักษาทุกที่" หรือ Cancer Anywhere เป็นนโยบายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าป่วยเป็นมะเร็ง สามารถเลือก (ร่วมกับแพทย์เจ้าของไข้) ว่าจะเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลใดก็ได้ ที่มีศักยภาพและรอคิวไม่นานโดยผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 เรียกว่า "ข้ามเขต-ข้ามจังหวัดได้"
แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การรับบริการ "ข้ามเขต-ข้ามจังหวัดได้" กลับสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะ "ใบส่งตัว" ที่เชื่อมกับ 30 บาทรักษาทุกที่ หากผู้ป่วยมะเร็งจะเข้ารับบริการโรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ จะต้องไปขอใบส่งตัวจากคลินิกปฐมภูมิต้นสังกัดตามสิทธิ
สอดคล้องกับช่วงปลายปี 2567 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกจ่ายกองทุนมะเร็งรักษาทุกที่ รายการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในรวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568
รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร จนกลายเป็นประเด็นหลัก ทำให้โรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ ต้องออกมาประกาศว่า การรักษามะเร็งรักษาทุกที่ จะต้องมีใบส่งตัวเท่านั้น
หากไล่เลียงไทม์ไลน์ ปัญหาที่เกิดขึ้น สปสช.ไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 จนถึงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาความพยายามแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องใบส่งตัวการเบิกจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยังเป็นปัญหาทั้งโรงพยาบาล-ผู้ป่วย
อ่านข่าว วายร้ายเงียบ "มะเร็ง" ไทยป่วยรายใหม่พุ่ง 1.4 แสนคน
ทำให้มีการผ่อนผันการใช้เกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่จากเดิมที่จะบังคับใช้ต่อไปอีก 3 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568
![ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ภาพ สปสช.)](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiXXTv0y3xAZwwQLpKbfk5fh.jpg)
ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ภาพ สปสช.)
ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ภาพ สปสช.)
กระทั่งมีการตกผลึกในการประชุมเมื่อ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา นำโดยผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
มีมติให้โรงพยาบาลใช้หลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับเดิม ปี 2566-2567 ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
จากนั้นนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช.ได้รับทราบข้อเสนอเบื้องต้นดังกล่าว และได้ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย.2568 ซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปประกาศหลักเกณฑ์ ฉบับเดิมปี 2566-2567
อ่านข่าว 30 บาทรักษาทุกที่ทำคนไข้สับสน สปสช.ย้ำเร่งแก้ปัญหาใบส่งตัว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiXXTv0y3xAW18EAEKOu2qO1.jpg)
มะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อม
ข้อมูลจากมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง อธิบายถึงมะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อมไว้ดังนี้
- ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งสิทธิบัตรทองได้รับการรักษาครอบคลุมทุกกระบวนการ รวมถึงตรวจติดตาม ในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ และใกล้บ้าน ได้อย่างรวดเร็ว
- ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถรักษาข้ามเขต ข้ามจังหวัดได้ รองรับการส่งต่อไปรับการรักษายังโรงพยาบาลต่างพื้นที่ที่มีความพร้อมโดยไม่ต้องใช้ "ใบส่งตัว" และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
- ลดเวลารอคอย เนื่องจากกระบวนการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีสิทธิบัตรทอง
- ลดปัญหาการส่งตัว การส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งทำได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาทำใบส่งตัว โดยจะมีเจ้าที่ประสานงานให้
- ไม่ต้องเดินทางเพื่อขอประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลต้นสังกัด เนื่องจากมีการใช้ระบบฐานข้อมูลประวัติการรักษาพยาบาล
- ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน
- การอนุญาตให้หน่วยบริการเบิกจ่ายค่าดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งจาก สปสช. โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวจากต้นสังกัด ครอบคลุมการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินระยะโรค การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การติดตามผลการรักษา แต่การเปลี่ยนแปลงใหม่ (เดิมตั้งแต่ 1 ม.ค.68) ระบบที่ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวจะถูกจำกัดเฉพาะในส่วนของ การให้ยาและการฉายแสง
อ่านข่าว ถ้าเราเป็น “มะเร็ง” ต้องรักษายังไงบ้าง
เมื่อ 26 พ.ย.2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เคยให้สัมภาษณ์ว่า สปสช.ยังคงดำเนินการตามนโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ แต่กำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายกองทุนมะเร็งรักษาทุกที่ เฉพาะรายการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ทั้งนี้รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568
สาเหตุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการเบิกจ่ายเนื่องจากพบว่า การจ่ายเงินจากกองทุน Cancer Anywhere พบว่าไม่ได้จ่ายเฉพาะการรักษามะเร็งอย่างเดียว แต่จ่ายเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเรื่อง investigation (สอบสวนโรค )
โรคอื่นที่ไม่สัมพันธ์กับการรักษามะเร็งในครั้งนั้นมากกว่า 50% ดังนั้นเพื่อให้การจัดการงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนของการเบิกจ่ายงบในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ่ายใหม่
โดยแยกรายการเบิกจ่ายการรักษาโรคแทรก โรคร่วม หรือโรคอื่นๆ ที่ไม่สัมพันธ์กับโรคมะเร็ง ออกจากการจ่ายมะเร็งรักษาทุกที่ ซึ่งโรคเหล่านี้ เป็นค่าบริการที่อยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัวที่ได้จัดสรรให้กับหน่วยบริการไว้อยู่แล้ว และจ่ายเฉพาะบริการที่เกี่ยวกับมะเร็ง ได้แก่ เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรักษา
กลับไปใช้เกณฑ์เดิมปี 2567
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ชี้แจงเงื่อนไขการจ่ายที่จะมีการเปลี่ยนแปลงให้กับหน่วยบริการไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2567 พบว่ามีข้อเสนอแนะให้มีการปรับเงื่อนไขใหม่ เนื่องจากความกังวลว่าจะกระทบการให้บริการแก่ผู้ป่วยและทำให้ผู้ป่วยมีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
ส่วนกรณีเงื่อนไขการจ่ายรูปแบบใหม่ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.2568 สปสช.ได้หารือร่วมกับหน่วยบริการ เพื่อทบทวนเงื่อนไขการจ่ายเพื่อไม่ให้กระทบผู้ป่วยและการให้บริการของหน่วยบริการ
จากนั้นเมื่อ 6 ก.พ.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ระบุว่า ได้รับรายงานจากล่าสุด นพ.จเด็จว่า
วันนี้รวมถึงตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับบริการตามนโยบายนี้ ได้ตามแนวทางบริการเดิมที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวรับรองสิทธิในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากหน่วยบริการประจำ โดย สปสช.เป็นรับผิดชอบดูแลการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามนโยบาย เช่นเดิม หน่วยบริการสามารถเบิกได้ทั้งค่ารังสีรักษา ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด โรคแทรกซ้อนของมะเร็ง และโรคอื่นที่คนไข้มะเร็งเป็นร่วม
สำหรับการส่งข้อมูลผู้ป่วยนั้น มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ TCB Plus ของสถาบันมะเร็ง กรมการแพทย์ และ Health Link ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อใช้ลงทะเบียน รับส่งต่อ และดูข้อมูลผู้ป่วยอยู่แล้ว โดยทาง รพ.รับส่งต่อสามารถดูข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวนี้ได้
ขณะนี้สปสช.ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย.นี้แล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับเดิมปี 2566-2567 ได้ส่งหนังสือแจ้งเวียนหน่วยบริการทั่วประเทศรับทราบแล้ว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiXXTv0y3xAYLkgrK2qDnz6W.jpg)
โรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็ง "รังสีรักษา"
จากข้อมูลพบว่าทั่วประเทศมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษา จำนวน 41 แห่ง ที่พร้อมให้บริการและรองรับนโยบาย Cancer Anywhere โดยสามารถแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ตามภูมิภาค
ภาคเหนือ
- รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
- รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่
- รพ.ลำปาง
- รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก
- รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก
- รพ.รังสีวิทยาพิษณุโลก
ภาคอีสาน
- รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
- รพ.ขอนแก่น
- รพ.ร้อยเอ็ด
- รพ.มะเร็งอุดรธานี
- รพ.สกลนคร
- รพ.มหาราชนครราชสีมา
- รพ.สุรินทร์
- รพ.มะเร็งอุบลราชธานี
ภาคกลาง
- รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์
- รพ.มะเร็งลพบุรี
- รพ.มหาวชิราลงกรณธัญบุรี จ.ปทุมธานี
- รพ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จ.ปทุมธานี
ภาคตะวันตก
- รพ.ราชบุรี
- รพ.สมุทรสาคร
ภาคตะวันออก
- รพ.มะเร็งชลบุรี
- รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี
- รพ.แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จ.ชลบุรี
- รพ.วิภารามอมตะนคร
- โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพระยอง
กรุงเทพมหานคร
- รพ.ศิริราช
- รพ.จุฬาลงกรณ์
- รพ.รามาธิบดี
- รพ.ราชวิถี
- รพ.ภูมิพลอดุลยเดช
- รพ.พระมงกุฏเกล้า
- รพ.วชิรพยาบาล
- รพ.จุฬาภรณ์
- รพ.ศูนย์มะเร็งกรุงเทพมหานคร
- รพ.มะเร็งกรุงเทพ วัฒนโอสถ
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
- โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
อ่านข่าว