"ทรัมป์" ลงนามคำสั่งคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามคำสั่งบริหารอีกฉบับ โดยสั่งคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งคำสั่งนี้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรด้านการเงินและวีซาต่อบุคคลที่ช่วยเหลือการสอบสวนพลเมืองสหรัฐฯ หรือพันธมิตร รวมถึงสมาชิกครอบครัว

การคว่ำบาตรนี้มีขึ้นหลัง ICC ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เกี่ยวกับสงครามในกาซา เมื่อเดือน พ.ย.2024 ขณะที่ ICC เตรียมมาตรการปกป้องเจ้าหน้าที่จากการคว่ำบาตรที่อาจเกิดขึ้น โดยจ่ายเงินเดือนล่วงหน้า 3 เดือนเพื่อรับมือกับข้อจำกัดทางการเงิน เพราะการคว่ำบาตรอาจบ่อนทำลายการดำเนินงานของศาล และอาจเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของศาล

ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ ICC เผชิญการตอบโต้จากสหรัฐฯ โดยในสมัยแรกของทรัมป์ปี 2020 วอชิงตันเคยคว่ำบาตร "ฟาตู เบนซูดา" อดีตอัยการและผู้ช่วยคนสำคัญ เนื่องจากการสอบสวนอาชญากรรมสงครามที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำโดยทหารอเมริกันในอัฟกานิสถาน

ICC มีสมาชิก 125 ประเทศ เป็นศาลถาวรที่สามารถดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมรุกราน ที่กระทำในดินแดนของประเทศสมาชิกหรือโดยคนในชาติของประเทศสมาชิก ทั้งนี้ สหรัฐฯ จีน รัสเซียและอิสราเอล ไม่ได้เป็นสมาชิก

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งบริหาร

ทรัมป์ย้ำอิสราเอลส่งมอบ "กาซา" ให้สหรัฐฯ ครอง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังโพสต์ข้อวามผ่านทาง Truth Social ใจความระบุว่า อิสราเอลจะส่งมอบกาซาให้สหรัฐฯ เมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง ชาวปาเลสไตน์จะได้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในชุมชนที่ปลอดภัยและสวยงามกว่าเดิมในภูมิภาคนั้น พร้อมที่อยู่อาศัยที่ทันสมัย และแผนการนี้ไม่จำเป็นต้องส่งทหารอเมริกันเข้าไปมีส่วนร่วม

ท่าทีดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำแผนการให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมเขตกาซา หลังทรัมป์ประกาศครั้งแรกเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากชาวปาเลสไตน์และผู้นำทั่วโลกในวันถัดมา แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงยืนยันจุดยืนเดิม

ด้านกลุ่มฮามาส ออกแถลงการณ์คัดค้านท่าทีของทรัมป์ โดยโฆษกฮามาส โพสต์ข้อความผ่านช่องทางเทเลแกรมของกลุ่ม เรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ทั้งหมดรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อต่อต้านข้อเสนอของทรัมป์ และขอให้ประเทศอาหรับคัดค้านความพยายามในการโยกย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์

ทั้งนี้ การบังคับโยกย้ายประชากรจากดินแดนภายใต้การยึดครองทางทหารถือเป็นอาชญากรรมสงคราม ซึ่งต้องห้ามตามอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ.1949

ขณะที่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ ยกย่องแนวคิดเข้าควบคุมเขตกาซาของทรัมป์ โดยระบุว่า แนวคิดของทรัมป์ในการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไม่ใช่เรื่องผิด พวกเขาสามารถออกไป กลับมา หรือย้ายถิ่นฐานแล้วกลับมาได้ แต่การฟื้นฟูกาซาต้องเกิดขึ้นก่อน พร้อมย้ำว่าอิสราเอลยังคงมุ่งมั่นที่จะกำจัดฮามาสโดยไม่พึ่งกำลังทหารสหรัฐฯ

นอกจากการหนุนหลังและชื่นชมทรัมป์อย่างไม่หยุดหย่อน ผู้นำอิสราเอลยังมอบของขวัญเป็นเพจเจอร์สีทองติดตั้งบนฐานไม้ ให้กับทรัมป์ ซึ่งของขวัญชิ้นนี้สื่อถึงปฏิบัติการของอิสราเอลในเลบานอน เมื่อเดือน ก.ย.2024 ในเหตุการณ์วิทยุสื่อสารและเพจเจอร์ที่กลุ่มเฮซบอลลาห์ใช้งานระเบิดขึ้นทั่วเลบานอน และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ซึ่งเป็นฝีมือของอิสราเอล

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล (ซ้าย) พบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2025

ศาลสหรัฐฯ ขวางคำสั่งเปิดทางข้าราชการสหรัฐฯ ลาออก

ความเคลื่อนไหวภายในสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากนโยบายของทรัมป์ ล่าสุด ผู้พิพากษาสหรัฐฯ สั่งระงับแผนการของทรัมป์ที่เสนอค่าตอบแทนให้ข้าราชการ แลกกับการลาออกโดยสมัครใจ ภายในก่อนเที่ยงคืนวันที่ 6 ก.พ.ตามเวลาท้องถิ่น

ข้อเสนอนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลทรัมป์ที่จะลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลกลาง โดยทำเนียบขาว ระบุว่ามีข้าราชการกว่า 40,000 คนตอบรับข้อเสนอลาออกแลกกับการได้รับเงินเดือนไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. แม้บางคนจะสับสนเกี่ยวกับเงื่อนไขของข้อตกลงนี้ก็ตาม โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลทรัมป์ตั้งเป้าให้มีผู้รับข้อเสนอถึง 200,000 คน

หลังศาลสั่งระงับแผน ปรากฏว่าทำเนียบขาวออก แถลงการณ์ว่าคำสั่งระงับชั่วคราวจะช่วยให้มีคนลาออกมากขึ้น เพราะจะขยายเวลาตัดสินใจออกไปและจะช่วยชาวอเมริกันประหยัดงบประมาณได้หลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การวิเคราะห์ข้อมูลโดยองค์กรไม่แสวงหากำไร Partnership for Public Service พบว่า อัตราการลาออกประจำปีของข้าราชการอยู่ที่ประมาณ 6% ซึ่งบ่งชี้ว่าข้าราชการบางคนอาจตั้งใจจะลาออกจากราชการอยู่แล้ว

"ปานามา" ประท้วงสหรัฐฯ อ้างเรือผ่านคลองได้ฟรี

ส่วนอีกประเด็นที่เกิดขึ้นและทำให้รัฐบาลทรัมป์เผชิญเสียงวิจารณ์อีกครั้ง มาจาก "โฮเซ ราอูล มูลิโน" ประธานาธิบดีปานามา ที่ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังเผยแพร่คำโกหกและข้อมูลเท็จ หลังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างว่าเรือของรัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถผ่านคลองปานามาได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังการท่าเรือคลองปานามา ออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ.ตามเวลาท้องถิ่น ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ระบุก่อนหน้านั้นว่า รัฐบาลปานามาตกลงจะไม่เก็บค่าผ่านคลองจากเรือของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ ประหยัดเงินได้หลายล้านดอลลาร์ต่อปี

มูลิโน เปิดเผยว่า เขาสั่งการให้เอกอัครราชทูตปานามาในกรุงวอชิงตัน ดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของรัฐบาลทรัมป์แล้ว

ถือเป็นเหตุตึงเครียดล่าสุดระหว่าง 2 ประเทศที่ขัดแย้งกันเรื่องคลองปานามา ตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าเส้นทางน้ำที่สำคัญแห่งนี้ถูกจีนยึดครองไปแล้วและประกาศว่าจะเอากลับคืนมาเป็นของอเมริกา

นอกจากนี้ มูลิโนยังระบุด้วยว่า ปานามาได้ยื่นเอกสารอย่างเป็นทางการเพื่อถอนตัวจากข้อริเริ่มแถบและเส้นทาง ซึ่งเป็นแผนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของจีนแล้ว แต่ยืนกรานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้เกิดจากคำขอของสหรัฐฯ

อ่านข่าว

"ทรัมป์" ท้าทาย กม.โลก สหรัฐฯ เล็งฮุบกาซาท่ามกลางเสียงคัดค้าน

"คลองปานามา" ยุทธศาสตร์ "ทรัมป์" ทวงคืน "เจ้าอเมริกาเหนือ"

ตามรอยสหรัฐฯ "อาร์เจนตินา" ประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก