เมื่อพูดถึงวันวาเลนไทน์ หลายคนนึกถึงช่อดอกไม้สวย ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก แต่รู้หรือไม่ว่าดอกไม้ที่โรแมนติกเหล่านี้อาจกลายเป็นฝันร้ายสำหรับบางคน เพราะ "เกสรดอกไม้" อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
อาการแพ้เกสรดอกไม้ (Pollen Allergy) หรือที่เรียกว่า "ไข้ละอองฟาง" (Hay Fever) เป็นอาการแพ้ที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่ดอกไม้บาน หากกำลังคิดจะซื้อดอกไม้ให้คนรัก อย่าลืมถามก่อนว่าหวานใจของคุณแพ้เกสรดอกไม้หรือไม่ เพราะอาการแพ้สามารถรุนแรงได้ถึงขั้นช็อกเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สังเกตอาการแพ้เกสรดอกไม้
อาการแพ้เกสรดอกไม้มีตั้งแต่อ่อน ๆ ไปจนถึงรุนแรง โดยสามารถแบ่งเป็นอาการที่เกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และระบบภายในร่างกาย ซึ่งแต่ละคนอาจมีอาการไม่เหมือนกัน
อาการทั่วไปเป็นอาการที่พบบ่อย มักเกิดขึ้นเมื่อได้รับเกสรดอกไม้ในปริมาณมาก
- จามบ่อย หากคุณเริ่มจามถี่ ๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ดอกไม้หรือออกไปข้างนอกในช่วงที่เกสรฟุ้งกระจาย อาจเป็นสัญญาณของการแพ้
- น้ำมูกไหล คัดจมูก อาการคล้ายเป็นหวัด แต่ไม่มีไข้ น้ำมูกอาจใสและไหลตลอดวัน
- คันตา ตาแดง น้ำตาไหล เกสรที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถระคายเคืองดวงตาได้
- ไอแห้ง เจ็บคอ การสูดเกสรเข้าไป ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในลำคอ ทำให้ไอแห้ง หรือรู้สึกเจ็บคอเหมือนเป็นหวัด
- คันจมูก คันคอ เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อเกสรที่เข้าสู่ร่างกาย
อาการรุนแรงที่ต้องระวัง หากมีอาการเหล่านี้ อาจหมายถึงเกิดการแพ้เกสรดอกไม้ในระดับรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที
- หายใจติดขัด แน่นหน้าอก บางคนอาจมีอาการหอบหืดกำเริบเมื่อต้องสัมผัสกับเกสรดอกไม้
- ผื่นขึ้นตามร่างกาย คันตามตัว เกิดผื่นแดงหรือลมพิษจากการสัมผัสเกสรดอกไม้
- หน้าบวม ริมฝีปากบวม เป็นสัญญาณของอาการแพ้ที่รุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะช็อกเฉียบพลัน
- หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ เป็นลม เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรง
- อาการช็อกเฉียบพลัน (Anaphylaxis) เป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจทำให้เสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาทันที
รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองแพ้เกสรดอกไม้ ?
- สังเกตอาการตัวเอง
ลองจดบันทึกว่าอาการแพ้เกิดขึ้นเมื่อใด และอยู่ในบริเวณที่มีดอกไม้ชนิดใด ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการแพ้ อาการมักแย่ลงในช่วงฤดูที่ดอกไม้บาน เช่น ฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูร้อน
- ไปพบแพทย์เพื่อตรวจภูมิแพ้
การทำ "Skin Prick Test" คือการทดสอบโดยการหยดสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนัง แล้วใช้เข็มสะกิดดูปฏิกิริยาของร่างกาย และยังมีการทำ "RAST Test" (การตรวจเลือด) จะช่วยระบุได้ว่าแพ้เกสรจากดอกไม้ชนิดใด
- ใช้แอปพลิเคชันตรวจคุณภาพอากาศ
แอปพลิเคชัน Pollen.com หรือ Plume Labs สามารถช่วยระบุว่าบริเวณที่คุณอยู่มีเกสรดอกไม้ชนิดใดฟุ้งกระจายมากที่สุด
เทคนิคเลือก "ดอกไม้" สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้
เมื่อเลือกดอกไม้ให้คนที่เป็นภูมิแพ้ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกดอกไม้ที่มีเกสรอยู่ด้านในหรือลักษณะของเกสรไม่ฟุ้งกระจายในอากาศ ดอกไม้บางชนิด เช่น กุหลาบ กล้วยไม้ และทิวลิป มีโครงสร้างเกสรที่อยู่ภายในกลีบดอก ทำให้ละอองเกสรไม่ฟุ้งกระจายออกมา จะช่วยลดโอกาสที่ผู้รับจะสูดเกสรเข้าไปและเกิดอาการแพ้
นอกจากนี้ ดอกไม้ที่ผ่านการเพาะพันธุ์เพื่อให้เกสรน้อยลง เช่น ดอกลิลลี่พันธุ์ไร้เกสร (Pollen-Free Lilies) ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้
อีกปัจจัยสำคัญในการเลือกดอกไม้คือ กระบวนการผสมเกสร ดอกไม้ที่อาศัยการผสมเกสรโดยแมลง (Insect-Pollinated Flowers) เช่น ผึ้งหรือผีเสื้อ มักมีเกสรที่เหนียวและติดอยู่กับตัวแมลง ทำให้ละอองเกสรไม่ฟุ้งกระจายในอากาศ ซึ่งแตกต่างจากดอกไม้ที่อาศัยลมในการผสมเกสร (Wind-Pollinated Flowers) เช่น ดอกเดซี่ ดอกทานตะวัน และดอกไม้ตระกูลหญ้า ที่ปล่อยละอองเกสรออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อให้ลมพัดพาไปผสมพันธุ์กับต้นอื่น ๆ ดอกไม้ประเภทหลังนี้จึงมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้ได้สูงกว่า
หากต้องการให้ของขวัญที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ อาจพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้แห้ง หรือการจัดดอกไม้ในโหลแก้วปิด ซึ่งยังคงความสวยงามและโรแมนติกโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ หรือหากต้องการให้ดอกไม้สดจริง ๆ การเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ไม่มีเกสรฟุ้งกระจาย พร้อมกับแจ้งให้ร้านดอกไม้กำจัดเกสรออกก่อนมอบให้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้รับสามารถชื่นชมความงามของดอกไม้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภูมิแพ้
เช็กชื่อ! ดอกไม้ชนิดไหนก่อให้เกิดอาการแพ้มากที่สุด
ดอกไม้ที่แพ้กันเยอะ
- ดอกเดซี่ (Daisy) – มีเกสรจำนวนมากและสามารถปลิวไปในอากาศได้ง่าย
- ดอกทานตะวัน (Sunflower) – เกสรฟุ้งกระจายสูง ทำให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย
- ดอกลิลลี่ (Lily) – มีกลิ่นแรงและเกสรฟุ้งง่าย
- ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum) – เป็นดอกไม้ที่มักทำให้เกิดอาการแพ้ในหลายคน
- ดอกลาเวนเดอร์ (Lavender) – แม้มีกลิ่นหอม แต่บางคนอาจแพ้เกสรของมัน
- ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) – มีเกสรที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
ดอกไม้ที่ค่อนข้างปลอดภัย
- ดอกกุหลาบ (Rose) – มีเกสรอยู่ด้านใน ไม่ฟุ้งกระจาย
- ดอกกล้วยไม้ (Orchid) – ไม่ค่อยมีเกสรฟุ้งออกมาในอากาศ
- ดอกทิวลิป (Tulip) – เป็นดอกไม้ที่มีโอกาสทำให้แพ้น้อย
- ดอกดาเลีย (Dahlia) – เกสรไม่ค่อยฟุ้งกระจาย
- ดอกไอริส (Iris) – มีเกสรน้อยเมื่อเทียบกับดอกไม้อื่น
How To บรรเทาอาการแพ้เกสรดอกไม้
- ใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เช่น Loratadine, Cetirizine, Fexofenadine สามารถช่วยลดอาการแพ้ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง ลดการสูดเกสรเข้าไป
- ล้างหน้า ล้างจมูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำเกลือช่วยชะล้างเกสรที่ติดอยู่ในโพรงจมูกได้
- ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA filter จะช่วยดักจับเกสรในบ้านได้
- เลี่ยงการออกไปข้างนอกช่วงเช้า เพราะเป็นเวลาที่เกสรฟุ้งกระจายมากที่สุด โดยเฉพาะในวันที่อากาศแห้งและมีลมแรง
WHO ชี้ 400 ล้านคน แพ้เกสรดอกไม้
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีประชากรกว่า 400 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ซึ่งมักเกิดจากเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีฤดูกาลดอกไม้บานชัดเจน เช่น สหรัฐอเมริกา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) รายงานว่าประมาณร้อยละ 10-30 ของประชากรสหรัฐฯ มีอาการแพ้เกสรดอกไม้ ขณะที่ในยุโรป รายงานจาก European Academy of Allergy and Clinical Immunology (EAACI) ระบุว่ามากกว่าร้อยละ 40 ของชาวยุโรปแพ้ละอองเกสร
ส่วนในประเทศไทย กรมการแพทย์เผยว่า คนไทยกว่าร้อยละ 20 มีอาการแพ้จากเกสรดอกไม้ และแนวโน้มของอาการแพ้เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยแวดล้อม เช่น ฝุ่นละอองและมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
แม้ว่าการแพ้เกสรดอกไม้ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง เช่น คัดจมูก จาม หรือคันตา แต่ในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะร้ายแรงอย่าง Anaphylaxis ซึ่งเป็นอาการแพ้อย่างเฉียบพลันและอาจทำให้เสียชีวิตได้ แม้จะพบได้น้อยแต่ก็มีรายงานผู้เสียชีวิตจากภาวะนี้
ในปี 2562 หญิงวัย 32 ปีในสหรัฐฯ เสียชีวิตหลังเกิดอาการ Anaphylaxis ขณะเดินผ่านทุ่งดอกไม้ เนื่องจากไม่ได้รับการฉีด Epinephrine ซึ่งเป็นยาแก้แพ้แบบฉีดสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง) ทันเวลา อีกกรณีหนึ่งในอังกฤษ เด็กชายอายุ 9 ปีแพ้ละอองเกสรของต้นเบิร์ช (Birch Tree Pollen) จนเกิดอาการช็อกและต้องเข้ารักษาในห้อง ICU
กรณีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อม หากรู้ตัวว่าแพ้รุนแรงควรพก Epinephrine Auto-Injector (EpiPen) ติดตัวเสมอเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ซึ่งต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
ดังนั้น หากต้องการมอบดอกไม้ให้คนที่เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกดอกไม้ที่มีเกสรไม่ฟุ้งกระจายและหลีกเลี่ยงดอกไม้ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้มาก การเลือกของขวัญที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้ผู้รับรู้สึกดี แต่ยังช่วยให้พวกเขาปลอดภัยจากอาการแพ้ที่อาจรบกวนสุขภาพได้อีกด้วย
ความรักที่ดีควรมาพร้อมกับความใส่ใจ
ที่มา : World Health Organization (WHO), Centers for Disease Control and Prevention (CDC),
European Academy of Allergy and Clinical Immunology (EAACI), กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขไทย, American College of Allergy, Asthma, and Immunology (ACAAI)
อ่านข่าวอื่น :