ปี 2568 เป็นปีที่อิหร่านและไทยจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะด้านศิลปะ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว เพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญในโอกาสที่ทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ทางการทูตยาวนานถึง 70 ปี โดยความร่วมมือดังกล่าว มีที่มาจากเมื่อครั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุม ACD ครั้งที่ 3 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา และได้หารือทวิภาคีกับ นายมัสอูด เปเซชกียาน (Masoud Pezeshkian) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
ย้อนหลังไปในอดีต ประเทศในตะวันออกกลางที่มีความสัมพันธ์อันดีกับไทยมาอย่างยาวนานคือ อิหร่าน ไม่ใช่เพียงแค่ความสัมพันธ์ทางการทูต 70 ปี เท่านั้น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาและมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศ มีมายาวนานกว่า 420 ปี นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ในฐานะอาณาจักรเปอร์เซียกับสยาม ดังมีบันทึกประวัติศาตร์และปรากฎให้เห็นประจักษ์ได้ตามโบราณสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทูตวัฒนธรรมอิหร่าน นายมะฮ์ดี ซาเรอ์ (Mehdi Zare Bieib) กล่าวในงานพบปะสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2568 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน อยากจะเชิญชวนคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวอิหร่าน ดินแดนที่มีความหลากหลายทั้งความงดงามของธรรมชาติที่น่าหลงใหล ตั้งแต่ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ จนถึงทะเลทรายที่น่าตื่นตาตื่นใจ โบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเดินทางไปเยือนอิหร่านเพียงแค่ 700 คน ในขณะที่ชาวอิหร่านเดินทางมีเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 50,000 คน
ทั้งสองประเทศต่างมีมรดกทางวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ล้ำค่าทั้งในด้านศิลปะ ดนตรี สถาปัตยกรรม ซึ่งทูตวัฒนธรรมอิหร่านมองว่า วัฒนธรรมและคิลปะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน เสริมสร้างความสัมพันธ์ เป็นสะพานเชื่อมโยงประชาชนระหว่าง 2 ประเทศเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการท่องเที่ยว
ดังนั้นการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างทั้งสองประเทศผ่านการท่องเที่ยว จึงควรได้รับการสนับสนุน เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิหร่านและประเทศไทย การเดินทางไปเยือนอิหร่าน จะได้รับทั้งประสบการณ์ใหม่ สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอิหร่านในปัจจุบัน ทั้งความมีน้ำใจ มนุษยสัมพันธ์ที่น่าประทับใจ ขอรับรองว่าอิหร่านมีความปลอดภัย ประชาชนชาวอิหร่านพร้อมที่จะต้อนรับคนไทยอย่างอบอุ่น และจะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น
กิจกรรมที่น่าสนใจจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ คือ การแสดงละครจากอิหร่านที่จะเข้าร่วมเทศกาลละครในประเทศไทย ความโดดเด่นของคณะละครนี้ประกอบด้วยศิลปินจำนวนมาก สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับบทบาทของ "ผู้หญิง" ของประเทศอิหร่าน ซึ่งไม่ใช่โดดเด่นเพียงแค่ในแวดวงการแสดง ผู้หญิงอิหร่านยังได้ทำงานในสายงานที่หลากหลายทั้งวิทยาศาสตร์ การบริหาร สังคม วัฒนธรรม และยังมีโอกาสเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย
นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว อิหร่านยังมีความต้องการที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในอีกหลายๆ ด้านทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า อุตสาหกรรม เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อส่งเสริมให้ทั้งสองประเทศเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรงในอนาคต สามารถแข่งขันในภาคส่วนต่างๆ ได้
อ่านข่าว :
สงครามการค้าทรัมป์ 2.0 ใครได้-ใครเสีย ? จากนโยบายตั้งกำแพงภาษี