ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทางออกหรือทางตัน ? เมียนมาตั้งเป้าเลือกตั้งหลังรัฐประหาร 4 ปี

ต่างประเทศ
31 ม.ค. 68
12:43
52
Logo Thai PBS
ทางออกหรือทางตัน ? เมียนมาตั้งเป้าเลือกตั้งหลังรัฐประหาร 4 ปี
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
วิกฤตความขัดแย้งในเมียนมาจะครบ 4 ปีวันพรุ่งนี้แล้ว ท่ามกลางการสู้รบที่ยังคงรุนแรงในหลายพื้นที่ แม้ว่าหลายประเทศจะพยายามเข้ามาเป็นตัวกลางการไกล่เกลี่ยและผลักดันให้เกิดการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง ต้องจับตาสถานการณ์ในปีที่ 5 จะดีขึ้นหรือไม่

วันนี้ (31 ม.ค.2568) รัฐบาลทหารเมียนมาตั้งเป้าจัดการเลือกตั้งในปีนี้ ซึ่งจุดนี้อาจกลายเป็นชนวนเหตุยกระดับความรุนแรงในประเทศได้

มองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่า รัฐบาลทหารเมียนมาคาดหวังแค่ไหนกับการจัดการเลือกตั้งขึ้นในประเทศ ทั้ง ๆ ที่หลายพื้นที่ยังคงเผชิญกับการสู้รบ และจำนวนไม่น้อยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายต่อต้านและกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ

สัญญาณเริ่มต้นที่ชัดเจนที่สุด หนีไม่พ้น การส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครลงพื้นที่สำรวจสำมะโนประชากรในหลายเมืองทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดย พล.อ.อาวุโส มิน ออง ไลง์ ชูประเด็นการจัดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ให้เป็นเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลทหารเมียนมา ในสุนทรพจน์วันปีใหม่ที่ผ่านมา

ขณะที่ผลการสำรวจสำมะโนประชากรล่าสุด ชี้ว่า ปัจจุบัน เมียนมามีประชากร 51.3 ล้านคน น้อยกว่าตัวเลขเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ประมาณ 200,000 คน โดยแบ่งเป็นการลงพื้นที่สำรวจ 32.2 ล้านคน และส่วนที่เหลืออีกมากกว่า 19 ล้านคน เป็นการประเมินจากภาพถ่ายดาวเทียมของผู้ให้บริการเอกชน ทั้งในรัสเซีย จีน อินเดียและยุโรป เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและปัญหาการเดินทาง

ในวันที่ 1 ก.พ.2563 กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพลเรือน ท่ามกลางความตกใจของคนทั่วโลก และถือเป็นการทำลายความหวัง ของชาวเมียนมาที่ต้องการเห็นประเทศเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบ และแม้ว่าประชาชนจะร่วมประท้วงต่อต้านรัฐประหารทั่วประเทศ แต่ก็ถูกกองทัพปราบปรามอย่างรุนแรง

ขณะที่ฉันทามติ 5 ข้อ ที่ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเห็นชอบด้วยตัวเองในการประชุมอาเซียนวาระฉุกเฉินที่กรุงจาการ์ตา ก็กลับไม่ได้รับการแยแสใด ๆ ก่อนที่สถานการณ์จะพลิกผัน หลังจากกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธเปิดปฏิบัติการ 1027 ซึ่งทำให้กองทัพสูญเสียการควบคุมพื้นที่ในจุดยุทธศาสตร์ติดพรมแดนจีน ก่อนที่จะนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงรอบแรกที่มีจีนเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย

ปีที่ 4 ของวิกฤตความขัดแย้งถือเป็นปีที่รัฐบาลทหารเมียนมาหันหน้าเข้าหาอาเซียนเพิ่มมากขึ้น หลังจากกองทัพเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิรบหลายจุด โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2567 รัฐบาลทหารเมียนมายอมส่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมอาเซียนที่ลาวเป็นเจ้าภาพเป็นครั้งแรก

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รัฐบาลทหารเมียนมาก็ส่งผู้แทนเข้าร่วมวงประชุมอาเซียนมาโดยตลอด รวมทั้งยังยอมผ่อนคลายระเบียบพรรคการเมือง ก่อนที่จะเริ่มสำรวจสำมะโนประชากร ท่ามกลางการจับตามองว่า รัฐบาลทหารเมียนมากำลังจะจัดการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้

โดยต้องจับตาดูในวันนี้และวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.-1 ก.พ.) ให้ดีว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาจะต่ออายุคำสั่งภาวะฉุกเฉินเป็นรอบที่ 7 หรือไม่ เพราะถ้ามีการต่ออายุ นั่นหมายความว่า กำหนดการเลือกตั้งก็น่าจะต้องเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็ 6 เดือน นับจากนี้

รัฐบาลทหารเมียนมายังไม่ได้กำหนดวันจัดการเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่คำถามสำคัญ คือ ถึงแม้จะกำหนดวันได้แล้ว แต่ในที่สุดแล้วจะจัดได้จริง ๆ ตามนั้นหรือไม่ เพราะถ้าดูพื้นที่ความขัดแย้งในเมียนมา จะเห็นว่า เกิดขึ้นกระจายอยู่ทั่วประเทศ และหลายพื้นที่ก็กลายเป็นเขตอิทธิพลของฝ่ายต่อต้านกองทัพไปแล้ว

ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุโจมตีและเหตุปะทะในเมียนมาแตะ 28,000 ครั้ง เหตุวางระเบิดมากกว่า 7,500 ครั้ง การโจมตีทางอากาศ 5,160 ครั้ง และการทำลายโครงสร้างพื้นฐานอีกมากกว่า 5,000 ครั้ง ขณะที่การสลายการชุมนุมส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนแรก ๆ หลังรัฐประหาร ซึ่งเมียนมามีพื้นที่เพียงหยิบมือเท่านั้นที่ยังรอดจากสถานการณ์รุนแรง

การประชุมอาเซียนนัดแรกที่จัดขึ้นในลังกาวี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ผู้แทนชาติสมาชิกอาเซียนแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงในเมียนมา โดยรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียในฐานะเจ้าภาพ ระบุว่า อาเซียนเข้าใจดีว่าเมียนมาต้องการจัดการเลือกตั้ง แต่อาเซียนยืนยันว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกในขณะนี้ เพราะสิ่งที่เมียนมาต้องทำเป็นอย่างแรกในตอนนี้ นั่นคือ การหยุดยิงและทุกคนยอมยุติการสู้รบ

บรรดานักการทูตในหลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญ กังวลว่า การดันทุรังจัดการเลือกตั้งจะนำไปสู่การยกระดับความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรง ทั้งช่วงก่อน ระหว่างและหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะโดยกองทัพที่ต้องการกระชับอำนาจในพื้นที่ที่พอจะควบคุมได้ หรือฝ่ายต่อต้านที่ต้องการขัดขวางการเลือกตั้ง ที่รัฐบาลทหารเมียนมาจะนำไปใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปกครองประเทศ

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวในเมียนมาว่า รัฐบาลทหารวางแผนจัดการเลือกตั้งใน 160-170 เมือง จากทั้งหมด 330 เมืองทั่วประเทศภายในปีนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนสำรวจสำมะโนประชากร เจ้าหน้าที่สามารถลงพื้นที่ได้ 145 เมืองเท่านั้น วิกฤตเมียนมาที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ดูไปแล้ว คงจะยืดเยื้อต่อไปอีกแน่ ๆ

อ่านข่าวเพิ่ม :

นับถอยหลัง! รับบัตร-หีบเลือกตั้ง อบจ.2568

รอยยิ้ม 5 แรงงานไทยคืนสู่อิสรภาพ-เตรียมกลับอ้อมกอดครอบครัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง