การเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 1 ก.พ.2568 นี้ แน่นอนว่าแม้เป็นเวทีเลือกตั้งท้องถิ่น “ระดับจังหวัด” แต่สังคมไทยจำนวนมาก ฉายสปอต์ไลท์ จับตาสนามเลือกตั้งแห่งนี้ ในวันที่สิ้น ยุค “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” และ “นันทิดา แก้วบัวสาย” มาดาม”บ้านใหญ่” ตัดสินใจวางมือทางการเมือง หลังพ้นตำแหน่ง นายก อบจ.ยุค ปี 2563 ถึง ธ.ค.2567
ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง อบจ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,081,043 คน แบ่งเป็น 36 เขตเลือกตั้ง 1,556 หน่วยเลือกตั้ง ก่อนถึง 1 ก.พ.2568
อ่านข่าว : "บ้านใหญ่" แข่งเดือด "ค่ายส้ม" ชิงนายก อบจ.ภาคตะวันออก
ไทยพีบีเอสออนไลน์ เจาะใจ 4 ผู้สมัคร ชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ หมายเลข 1 นายสุนทร ปานแสงทอง กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า อดีต รมช.เกษตรฯ หมายเลข 2 นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย อดีต สส.สมุทรปราการ ลงในนามอิสระ หมายเลข 3 นายนพดล สมยานนทนากุล กลุ่มพรรคประชาชน และหมายเลข 4 นายเสกสรรค์ ปี่เงิน ผู้สมัครอิสระ
นายสุนทร ปานแสงทอง กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า เบอร์ 1
นายสุนทร ปานแสงทอง กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า เบอร์ 1
คำถาม : มาถึงวันนี้ คิดว่าตัวเองมี “จุดแข็ง” อะไร ที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง
นายสุนทร : ในระยะเวลาที่ผมทำงานการเมืองมา 40-50 ปี เรื่องความสัมพันธ์ท้องถิ่น ผมเชื่อว่า ผมไม่ได้อวดอะไรต่าง ๆ นะ แต่เท่าที่ดูผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้ง 4 คนในครั้งนี้ ถ้ามาเทียบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่น ผมเชื่อว่าผมมีมากกว่าเขามาก
นายประเสริฐ : สิ่งที่ทำให้ผมชนะเลือกตั้ง คือ ความซื่อสัตย์สุจริต เพราะตลอดในการทำงานการเมือง 25 ปี และมีผลงาน ที่สามารถป้องกันไม่ให้เมืองสมุทรปราการ ถูกน้ำท่วมในปี 2554
นายนพดล : สิ่งที่จะทำให้ผมชนะการเลือกตั้งมีสิ่งเดียว คือฉันทามติจากประชาชน หากกว่านี้ประชาชนต้องการเปลี่ยนประชาชนต้องการความโปร่งใส อบจ.ประชาชนคือ คำตอบสุดท้าย
นายเสกสรรค์ : จุดเด่นที่จะทำให้ตัวเองชนะการเลือกตั้ง น่าจะเป็นเรื่องที่ผมรับราชการมาหลายพื้นที่ ผมย้ายมาทุกอำเภอแล้ว รู้จักคนเยอะในจังหวัดสมุทรปราการ ข้าราชการที่เกษียณ- ข้าราชการที่เข้ามาใหม่ หมุนเวียน 36 ปีที่ผมรับราชการ ผมคิดว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้ น่าจะเป็นฐานเสียงให้ผมได้ และอีกกลุ่มนึง คือ กลุ่มชาวบ้าน เขาจะรู้จักผมเยอะ แล้วผมคิดว่ากลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่ 2 ที่เป็นฐานเสียงของเรา
อ่านข่าว : บ้านใหญ่ “อัศวเหม” ไม่เคยหลุดการเมืองท้องถิ่น “จึงรุ่งเรืองกิจ” หวังล้ม
นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย อดีต สส.สมุทรปราการ ลงในนามอิสระ เบอร์ 2
นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย อดีต สส.สมุทรปราการ ลงในนามอิสระ เบอร์ 2
คำถาม : “จุดอ่อน” ที่คิดว่า จะทำให้แพ้การเลือกตั้ง
นายสุนทร : วันนี้เราบอกไม่ได้หรอก เลือกตั้งไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าคุณจะชนะ 100 % หรือ คุณจะแพ้ บอกไม่ได้ อยู่ที่วันที่เลือกตั้งวันนี้ อาจจะคะแนนเสียงดียังไงชนะแน่ แต่มันก็ไม่แน่ ยังไม่ถึงเวลา ก็เหมือนกันบางคนบอกว่าคะแนนเสียงไม่ดีเลยแต่ถึงเวลาอาจจะชนะก็ได้ แต่ถามว่า มีจุดอ่อนไหมก็มีกันทุกคนแหละ ใครบอกว่าไม่มีจุดอ่อนไม่เชื่อ แต่สำหรับเรา จุดอ่อนของทีมงานสมุทรปราการก้าวหน้า ถ้าพูดถึงแล้วเหมือนคนที่เป็นคนปิดทองหลังพระทำอะไรไปเยอะแยะ แต่ไม่ค่อยได้ประชาสัมพันธ์
นายประเสริฐ : ผมคิดว่า ผมไม่มีจุดอ่อนครับ
นายนพดล : จุดอ่อนเหรอครับ เราคงไม่คิดว่าครั้งนี้จะแพ้ เรามั่นใจว่าครั้งนี้กระแสตอบรับจากประชาชนมีมาก และผู้ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ตอนนี้เรามั่นใจว่าครั้งนี้เราชนะการเลือกตั้งแน่นอนครับ
นายเสกสรรค์ : จุดอ่อนน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนทรัพย์ ที่เราใช้เงินของตัวเองในการหาเสียง และเราไม่มีคนที่จะสนับสนุน ยิ่งเราเป็นผู้สมัครใหม่ การใช้จ่ายเงินไม่ใช่ว่า จู่ ๆ เราจะจ่ายโน่นจ่ายนี่ไม่มีหลักฐานอะไรไม่ได้ กฎหมายกำหนดไว้หมด เราต้องศึกษาก่อนว่ากฎหมายต้องทำอย่างไรต้องทำตามกฎหมายต้องระวัง เพราะถ้าเกิดผิดกฎหมายขึ้นมา เราไม่สามารถจะแก้ไขได้ บางทีถ้าเกิดผมได้รับเลือกชนะเลือกตั้ง แล้วมีคนนำเรื่องนี้ขึ้นมาผมอาจจะต้องถูกใบแดงก็ได้ นี่คือจุดอ่อนของผมเลย
นายนพดล สมยานนทนากุล กลุ่มพรรคประชาชน เบอร์ 3
นายนพดล สมยานนทนากุล กลุ่มพรรคประชาชน เบอร์ 3
คำถาม : ถ้าได้เป็น “นายก อบจ.สมุทรปราการ” โครงการแรกเร่งด่วนที่ตั้งใจจะเดินหน้าผลักดันคืออะไร
นายสุนทร : ยังเป็นโครงการที่ต้องผลักดันกันต่อมาตั้งแต่ ยุคนายชนม์สวัสดิ์ ต่อเนื่องยุค น.ส.นันทิดา จนถ้ามาถึงยุคของผม ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า มันมีโครงการ ที่เสร็จบ้าง ไม่เสร็จบ้าง หรืออยู่ระหว่างการทำ แต่ถ้าเราเป็นนายก เป็นโครงการที่ไม่ใช่ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่ว่าจะต้องนับต่อสอง สาม สี่ อย่างเช่นโครงการท่าเทียบเรือของอำเภอพระสมุทรเจดีย์ และโครงการถนนที่เข้าไปทางป้อมพระจุล จากสามแยกพระสมุทรเจดีย์
นายประเสริฐ : ที่ผมจะลงมือทันที คือจะเรียกบรรดาตลาดทั้งหมด มาร่วมการตัดสินใจในการกำหนดอัตลักษณ์ของตัวเองทั้งหมด ผมจะนั่งเป็นประธานเองเพื่อจะทำให้ตลาดทุกตลาดใน จ.สมุทรปราการมีอัตลักษณ์ของตัวเองเพื่อจะรองรับนักท่องเที่ยว 37.5 ล้านคน
นายนพดล : สิ่งแรกที่อยากจะทำคือเรื่องของ อบจ.โปร่งใส เราต้องมาดูว่าการใช้งบประมาณต่าง ๆ นั้น มีความเหมาะสมถูกต้องหรือไม่ โครงการใดที่เริ่มไปแล้วมีความไม่ชอบมาพากลประชาชนไม่ได้รับประโยชน์สิ่งเหล่านี้ก็ต้องระงับและพิจารณากันให้ถ้วนถี่กว่าเดิม รวมถึงโครงการที่สร้างไปแล้วและถูกปล่อยทิ้งร้าง
นายเสกสรรค์ : เป็นตามนโยบายผมเรื่องเกี่ยวกับตลาดเพราะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ผมคิดว่าถ้าเรามีพื้นที่ให้เขาได้ขายฟรีโดยที่เราไม่ต้องลงทุนอะไรมากในจังหวัดสมุทรปราการ ผมอยู่มาหลายที่ทุกอำเภอเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่รกร้างว่างเปล่า เราจะเอาตรงนี้ขึ้นมาทำ ทาง อบจ.มีเครื่องจักรอยู่เยอะ ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างผู้รับเหมาก็ได้ เอาเครื่องจักรมาทำปรับพื้นที่ ตีเส้นให้ผู้ค้ามาขายก็ได้เราให้ขายฟรีหมด แล้วจะมีกิจกรรมเพื่อเรียกลูกค้าให้เขา
นายเสกสรรค์ ปี่เงิน ผู้สมัครอิสระ เบอร์ 4
นายเสกสรรค์ ปี่เงิน ผู้สมัครอิสระ เบอร์ 4
อ่านข่าว : จับตา "2 สมุทร" ชิงเก้าอี้นายก อบจ.เมืองมหาชัย-แม่กลอง
คำถาม : ที่ผ่านมา จ.สมุทรปราการ ถูกตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ เป็นจังหวัดที่ได้งบประมาณอันต้นของประเทศ และถูกตั้งคำถามจากสังคมเรื่องความไม่โปร่งใส ถ้าชนะเลือกตั้งจะแก้ปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสอย่างไร
นายสุนทร : งบประมาณ ของ อบจ.มีทั้งงบรายรับและรายจ่าย ที่เป็นข้อบัญญัติงบประมาณที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีหน้าที่อะไร ถ้าทำอะไรที่มันไม่ใช่หน้าที่ สิ่งที่ตามมาคือหน่วยตรวจสอบต่าง ๆ ก็จะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น ปปช. หรือ สตง.
มันมีกรอบทุกอย่าง เราต้องทำตามกรอบ การทำโครงการต่าง ๆ เขาเริ่มตั้งแต่ทำประชาคมดูความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เมื่อประชาคมก็ต้องเอาโครงการนั้นมาทำราคา ที่เรียกว่าประมาณราคาเบื้องต้น แล้วเสนอแผนงานออกเป็นข้อบัญญัติงบประมาณ เพื่อขออนุมัติ สภา อบจ. เมื่อสภาฯ อนุมัติถึงจะดำเนินการได้ จากนั้นทำราคากลาง ที่เป็นไปตามระเบียบจากสำนักงบประมาณ ไม่ใช่กำหนดราคาอะไรก็ได้มันไม่ใช่ มันมีระเบียบชัดอยู่แล้ว
นายประเสริฐ : เรื่องงบประมาณสมุทรปราการ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เพราะสมุทรปราการเคยได้รับอยู่อันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ตอนนี้กลายเป็นอันดับ 4 แล้ว ถ้าผมชนะ จะทำให้สมุทรปราการได้งบประมาณเยอะกว่านี้ เพื่อผลักดันเป็นมหานคร และต้องทำอย่างโปร่งใส
นายนพดล : แน่นอนว่า จ.สมุทรปราการเราเป็นจังหวัดที่มีงบประมาณสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ดังนั้นหากงบประมาณที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ อย่างเช่น ในช่วง 1 สมัยของ อบจ.มีงบประมาณรวมกันเกือบ 10,000 ล้านบาท หากมีการใช้ที่ไม่โปร่งใส แน่นอนประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราใช้อย่างโปร่งใสเกิดประโยชน์อย่างประชาชน และนับเป็นความท้าทายและรู้สึกดีด้วยซ้ำ ในสิ่งที่สังคมมองงบประมาณ อบจ.สมุทรปราการ
นายเสกสรรค์ : ส่วนใหญ่ อบจ.ไม่ค่อยมีโครงการเป็นของตัวเองแต่จะเป็นกิจกรรมร่วมระหว่างพื้นที่กับหน่วยงานอื่น ถ้าเราได้รับเลือก ก็ต้องดูว่าการบริหารจัดการเงินก้อนใหญ่ ๆ มันก็ต้องทำโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งการทำโครงการใหญ่ ก็ต้องถูกจับตาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่เราสามารถทำให้โปร่งใสได้ โดยที่เราทำตามระเบียบของราชการทั้งหมด เราอย่าไปบิดเบือนหาเรื่องที่ทำให้คนมองว่าเราทุจริตได้
หน่วยงานราชการที่เงินงบประมาณมากกว่า อบจ.ก็มีทั้ง กระทรวง ทบวง กรม เขายังสามารถบริหารจัดการได้ เพราะเขาใช้ระบบราชการ ไม่ได้ใช้ระบบนักการเมือง แต่ผมเป็นข้าราชการเก่า ผมเข้ามาก็ต้องทำตามระบบราชการ เมื่อเราทำตามระบบราชการผมรับประกันว่าไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น
อ่านข่าว : "นายกแตน-พล.อ.สุนัย" แข่งเดือดชิงนายก อบจ.ลพบุรี