"ดวงตา" หนึ่งในอวัยวะที่มีความสำคัญกับร่างกาย เพราะช่วยให้เรามองเห็นรับรู้สิ่งรอบตัวผ่านแสง สี และภาพ นอกจากจะมีบทบาททางกายภาพแล้ว ดวงตายังถูกมองว่าเป็น "หน้าต่างของหัวใจ" ที่แสดงอารมณ์และความรู้สึกได้อีก ฉะนั้นการดูแลรักษาดวงตาให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรมองข้าม
ยิ่งในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ยังคงวางใจไม่ได้ แม้หลายหน่วยงานต่างร่วมมือและเร่งช่วยกันแก้ปัญหาให้คลี่คลายลดผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนโดยเร็วที่สุด ฝุ่น PM 2.5 ที่มีค่าสูงเกินมาตรฐาน ไม่เพียงส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ แต่ยังกระทบถึง "ดวงตา" ด้วย แล้วจะมีวิธีการดูแลอย่างไรบ้างนั้นมาติดตามกัน
ภาพประกอบข่าว
ฝุ่นจิ๋วส่งผลกระทบต่อดวงตา โดยเมื่อมาสัมผัสกับดวงตา ไม่ว่าจะเป็น เปลือกตา เยื่อบุตา หรือกระจกตา จะกระตุ้นให้เกิดการอับเสบขึ้น ก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ กับดวงตาได้ ดังนี้
ฝุ่น PM 2.5 มีผลต่อ "ดวงตา" อย่างไรบ้าง
- ตาแห้ง - การสัมผัสกับฝุ่น อาจทำให้เกิดอากาศแสบตา มีอาการเห็นภาพไม่ชัดเป็นพัก ๆ กะพริบตาแล้วดีขึ้น อาจรู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในตาได้
- ตาแดง หรือ เยื่อบุตาขาวอักเสบ - มีอาการน้ำตาไหล หรือมีขี้ตา อาจมีการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเพราะเยื่อบุตาขาวอ่อนแอ
- กระจกตาอักเสบ - หากขยี้ตาจะส่งผลให้กระจกตาถลอกได้ง่าย เนื่องจากกระจกตาอ่อนแอ
- เกิดโรคเยื่อบุตาเป็นภูมิแพ้เรื้อรัง - ในคนที่มีภูมิแพ้จมูกอยู่แล้วจะทำให้ภูมิแพ้ตากำเริบมากขึ้น จะมีอาการตาแดง เคืองตา คันตา เปลือกตาบวม มีขี้ตาเป็นเมือกสีขาว
- เปลือกตาอักเสบ ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน - มีอาการเปลือกตาบวมแดง อาจมีอาการคันตามเปลือกตา หากมีการขยี้ตา อาจมีการติดเชื้อ กลายเป็นตากุ้งยิงได้
การดูแลตัวเอง และการป้องกันดวงตาจากฝุ่น PM 2.5
วิธีป้องกันดวงตาจากฝุ่น PM 2.5 ทำได้อย่างไรบ้าง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ มีฝุ่น PM 2.5
- หาแว่นตาชนิดมีขอบด้านข้างและด้านบนมาใส่เพื่อลดปริมาณ PM 2.5 ที่จะเข้ามาสัมผัสที่ดวงตา
- ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ หากมีอาการระคายเคืองตาจากฝุ่น PM 2.5 ควรเลี่ยงการใช้คอนแทคเลนส์
- ไม่ควรขยี้ตา
- หยอดน้ำตาเทียมสม่ำเสมอ
- ไม่ควรล้างตาบ่อยเพราะจะทำให้ตาแห้งมากขึ้น หากต้องการล้างตาให้ใช้น้ำตาเทียมล้างแทน
- หากต้องทำงานหน้าจอหรืออยู่ในที่ที่มีแสงจ้าหรืออากาศแห้ง พักสายตาโดยการหลับตาเบา ๆ ทุก 20 นาที และหลีกเลี่ยงการใช้งานสายตาหนัก
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผักและผลไม้ที่ให้วิตามิน เพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อลดอาการตาแห้ง
- หากพบว่าตามีความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์
ในกรณีที่มีอาการปวดตารุนแรงระคายเคืองมาก ตามัว เห็นแสงแตกกระจาย หรือมีจุดสีขาวที่กระจกตาดำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ควรปฏิบัติ หากมีอาการ แสบตา - เคืองตา
หากมีอาการแสบตาหรือเคืองตา ที่อาจมีที่มาจากฝุ่นละออง หรือฝุ่นควัน ควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่ควรขยี้ตา - เนื่องจากจะทำให้ฝุ่นติดกับกระจกตา และยังเป็นการนำเชื้อโรคเข้าตา
- ล้างตาด้วยน้ำสะอาด หรือหยอดน้ำตาเทียม - กลอกตาไปมาขณะล้างตาช่วยให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก
- ตรวจเช็กตา - หากมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่บริเวณตาขาว ใช้ไม้พันสำลีสะอาดเขี่ยออกได้ หากติดบริเวณตาดำ ควรไปพบแพทย์
- ล้างตาแล้ว อาการไม่ดีขึ้น - ควรปรึกษาแพทย์ให้ช่วยเอาออกให้
ใครเสี่ยงเป็นอันตราย เมื่อได้รับฝุ่น PM 2.5
ผู้ที่มีความเสี่ยงและมักได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มากกว่าคนทั่วไป คือ
- กลุ่มเด็กเล็ก
- กลุ่มผู้สูงอายุ
- กลุ่มหญิงตั้งครรภ์
- กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ทำให้อากาศกำเริบ เช่น ผู้ป่วยภูมิแพ้มีอาการจมูกอักเสบ ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- คนทำงานกลางแจ้ง พ่อค้าแม่ค้าริมถนน วินมอเตอร์ไซต์ ที่สัมผัส ฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานานจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
ความรุนแรงของผลกระทบต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับ อะไรบ้าง
ฝุ่น PM 2.5 ในแต่ละพื้นที่แต่ละเวลาอาจไม่เท่ากัน ผลกระทบต่อสุขภาพจึงขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ
1. ปริมาณของฝุ่นละออง ในพื้นที่นั้น ๆ ว่ามี PM 2.5 สูงหรือไม่ เช่น ริมถนน
2. ช่วงเวลา กับ ระยะเวลาที่สัมผัส
3. ชนิดกิจกรรมที่ทำ ในพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูง เช่น ออกกำลังกาย ทำงานหนัก เป็นต้น จะมีความเสี่ยงมากกว่ากิจกรรมที่ใช้แรงน้อย
4. ลักษณะของบุคคล โดยเฉพาะ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มที่มีโรคประจำตัว
ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หรือทำงานอยู่บริเวณพื้นที่ ที่ PM 2.5 สูง และได้รับสัมผัส PM 2.5 เป็นเวลานาน มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่ากลุ่มอื่น
อาหาร ช่วยบำรุงสุขภาพสายตา
ผัก ผลไม้ หลากสี - ผักใบเขียว มีวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง บรอกโคลี ช่วยให้การทำงานของเซลล์จอประสาทตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงผลไม่หลากสี ซึ่งมีวิตามินและสารต้านอนุมูลกิสระที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ เช่น มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะม่วงสุก มะละกอสุก เป็นต้น
ปลาทะเล - โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูนา ปลาซาร์ดีน มีกรดไขมันโอเมกา 3 ช่วงบำรุงสมอง และจอประสาทตา ช่วยป้องกันภาวะตาแห้ง ลดภาวะการอ่อนล้าของตา
ไข่ - ในไข่แดงมีสารลูทีน และซีแซมทีน ช่วยบำรุงระบบไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา ป้องกันการเสริมประสิทธิภาพของดวงตา ลดภาวะโรคจอประสาทเสื่อม
ในช่วงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 อย่างลืมดูแลตัวเอง โดยเฉพาะ ดวงตา ของเรา
อ้างอิง : กรมการแพทย์, ศูนย์ตา โรงพยาบาลพญาไท 2, โรงพยาบาลสมิติเวช
อ่านข่าว : จีนเปิด AI ตัวใหม่ "DeepSeek" เขย่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ