แต่แรงกระตุ้นยังไม่เพียงพอต่อเป้าการใช้สิทธิ์ 65 % ของกกต. ตั้งแต่เรื่องบทบาทและหน้าที่ของ อบจ. นอกจากคอยส่งหัวคะแนนไปช่วยงานบวชงานศพชาวบ้าน หรือเป็นมือไม้ให้กับนักการเมืองระดับชาติ เช่น สส.แล้ว ยังมีอะไรอีกบ้าง บางคนพอรู้ว่ามีหน้าที่ในการพัฒนาท้องถิ่น แต่เงินงบประมาณที่นายก อบจ.บริหารจัดการปีหนึ่งๆ เท่าไหร่นั้นไม่ทราบ
แม้แต่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น โกงกิน ถูกปปช.ชี้มูล หรือต้องคดีอาญา ศาลตัดสินโทษแล้วหรือไม่ อย่างไร ก็ไม่รู้ หรือแม้แต่ถูกร้องเรื่องทุจริตเลือกตั้งในชั้นกกต. มีแค่ไหน ผลเป็นอย่างไร น้อยคนที่จะทราบ
ข้อมูลที่เหล่านี้ หาดูได้ยากมาก แม้แต่ในเว็บไซต์ของ กกต.และ ป.ป.ช. เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไม่ตื่นตัวไปใช้สิทธิ์อย่างที่ควร ยกเว้นเฉพาะในกลุ่มที่มีเหตุจูงใจ หรือมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ซึ่งในพื้นที่ต่างรับทราบดันไม่น้อย แต่องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งกลับไม่รู้ ทั้งที่หากมีข้อมูลมากพอ
รวมถึงประวัติของผู้สมัครประเภทคนดีของจังหวัด ที่ได้รับการยอมรับ หรือรู้ว่าคนในจังหวัดต้องการให้พัฒนาเมืองไปแบบไหน มีหรือคนจะไม่ตื่นตัวไปใช้สิทธิ์ อย่างกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ เมื่อครั้งลงสมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ
การได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองจึงเกิดขึ้น พรรคการเมืองใหญ่ ส่งคนมีชื่อเสียงไปช่วยหาเสียง เช่น พรรคเพื่อไทย ใช้นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ช่วยหาเสียง พรรคประชาชน ระดมแกนนำในอดีต อย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ช่วยหาเสียง ทำให้เป็นที่คึกครื้นผู้คนสนใจ และปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นฝ่ายได้เปรียบทันที เมื่อเทียบกับผู้สมัครอิสระ
ขณะที่รูปแบบและเนื้อหาคำปราศรัยจากผู้ช่วยหาเสียงบางพรรค ดุเดือดเข้มข้นและกระทบฝ่ายที่เป็นคู่แข่ง ไม่ต่างจากการหาเสียงเลือกตั้งระดับชาติ แต่ที่แปลกคือยังไม่มีท่าทีหรือคำตอบจากผู้ที่ดูแลควบคุมการเลือกตั้ง อย่าง กกต. ไม่ว่าจะ กรณีการแจกเงินหมื่นเฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลโอนเข้าบัญชี 27 มกราคม ก่อนลงคะแนนเลือกตั้งอบจ.เพียงไม่กี่วัน 4 วัน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลต่อการลงคะแนนแน่ ๆ
แม้นโยบายแจกเงินหมื่นเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียง ปี 2566 แต่เหตุใดเจาะจงต้องมาจ่ายก่อนวันเลือกตั้ง ขณะที่บ้านเพื่อคนไทย ไม่ได้ปรากฏในนโยบายหาเสียงปี 2566 แต่กลับโหมโปรโมทในช่วงนี้
รวมทั้งเรื่องนายทักษิณ หาเสียงบนเวทีที่ จ.ศรีสะเกษ พูดชัดว่า ได้ข่าวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถูกเรียกไปสั่งการ แถมยัง “ลูกขู่” อยู่ในทีว่า หากวางตัวไม่เป็นกลาง ให้ระวังตัวใครตัวมัน เรื่องนี้จะเป็นเพียงการพูดเอามัน หรือเป็นเรื่องจริง กกต.ควรต้องตรวจสอบ หรือขอข้อมูลจากนายทักษิณ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ควรปล่อยปละละเลย
ที่น่าสนใจอีกประการ คือหาเสียงโค้งสุดท้าย มีการชูเรื่องแก้ปัญหาฝุ่นควันไฟขนาดเล็กหรือพีเอ็ม 2.5 กันมาก ทั้งในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ โดยเฉพาะพรรคประชาชน เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ยื้อเยื้อ และคนในพื้นที่ต้องทนทุกข์ทรมานมานานนับสิบ ๆ ปีแล้ว
กระทั่งพรรคประชาชนเมื่อครั้งยังเป็นพรรคก้าวไกล เปิดนโยบายแก้ปัญหาฝุ่นและพีเอ็ม 2.5 ที่เป็นรูปธรรม และเป็นที่มาของร่างกฎหมายอากาศสะอาด ที่ในเวลาต่อมา พรรคเพื่อไทยต้องส่งร่างประกบ
ตอนนี้คนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังอยู่ในช่วงจมฝุ่น พีเอ็ม 2.5 จนต้องมีการประกาศปิดโรงเรียน และเวิร์คฟอร์มโฮม นำไปสู่คำถามของค่ายสีส้มถึงรัฐบาลว่า จะแก้พีเอ็ม 2.5 กี่โมง ตามด้วยชาวเน็ตที่แห่เข้าไปคอมเมนต์ในเพจเฟซบุ๊ก “พรรคเพื่อไทย” ที่เคยโพสต์นโยบายแก้ฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆว่า “เพื่อไทยเป็นรัฐบาล แก้ปัญหา PM 2.5 ที่ต้น” ว่า ตอนนี้ หาตอเจอหรือยัง
ขณะที่มหาดไทย ที่พรรคภูมิใจไทยดูแลบริหารอยู่ ก็เทน้ำหนักไปที่ PM 2.5 เช่นกัน ทั้ง มท.1 นายอนุทิน ชาญวีรกูล สั่งคาดโทษผู้ว่าฯ ห้ามเผาในกลุ่มจังหวัดเป้าหมาย มีประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อ 27 ม.ค.2568 เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
ขณะที่ “กลุ่มยังเติร์ก” ของพรรค นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาฯ พรรค พูดในงาน ‘เวิร์กชอป บ้านเกิดเมืองนอน : สู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน’ ของพรรค ที่จัดขึ้นเมื่อ 26 ม.ค. เสนอปลดล็อกวาระดำรงตำแหน่ง 2 สมัย และลดเกณฑ์อายุผู้บริหารท้องถิ่นจาก 35 ปี เหลือ 25 ปี เท่ากับพุ่งเป้าไปยังกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ชัดเจน
รวมทั้ง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานกมธ. การปกครอง สภาผู้แทนฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องรัฐบาล ให้แก้ฝุ่น PM 2.5 ทั้งประเทศ เพราะประเทศไทย ไม่ได้มีเฉพาะกรุงเทพฯ
ยังไม่นับพรรครมไทยสร้างชาติ ที่บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งปิดโรงงานน้ำตาลและเข้มเรื่องรับซื้ออ้อยที่โดนเผา เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 เท่ากับเรื่องนี้ ไม่มีใครยอมใคร แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
ศึกชิง อบจ.บางพื้นที่ จึงมีความเข้มข้นและหลากหลายรูปแบบ บางจังหวัดอาจสู้กันด้วยนโยบาย บางจังหวัดสู้กันที่กระแส แต่ในบางพื้นที่ อาจสู้กันที่กลไกอำนาจรัฐเพราะมีด้วยกันทั้งคู่ และบางพื้นที่ อาจต้องสู้กันด้วยกระสุนล้วน ๆ
ขึ้นอยู่กับใคร จะยิงเข้าเป้าได้มากกว่ากัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : เร่งเสนอ ครม.เชียงใหม่เป็นมรดกโลกภายในปี 2570
ตรุษจีน 2568 ฉลองอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เติมฝุ่น PM 2.5
ยิงใน สปก.ภูเพียง จ.น่าน ผอ.กลุ่มงาน เสียชีวิต 1 ลูกน้องสาหัส 1