วันนี้ (27 ม.ค.2568) ประธานาธิบดี คนที่ 47 ของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าผลักดันผู้อพยพออกนอกประเทศตามที่เคยหาเสียงเอาไว้ ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่าน TRUTH SOCIAL ของตนเอง ระบุว่า เขาจะกำหนดมาตรการตอบโต้โคลอมเบียอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงภาษีศุลกากรและมาตรการคว่ำบาตร หลังจากโคลอมเบียปฏิเสธไม่ให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ 2 ลำเข้าประเทศ
เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินที่ขนส่งผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ตามนโยบายปราบปรามผู้อพยพของทรัมป์ พร้อมระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโคลอมเบียปฏิเสธที่จะรับเที่ยวบินดังกล่าวเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และเขาได้สั่งให้รัฐบาลของเขาใช้มาตรการตอบโต้
มาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการกำหนดภาษีศุลกากรฉุกเฉิน 25% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในหนึ่งสัปดาห์, การห้ามเดินทางและเพิกถอนวีซาของเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบียและพันธมิตร, การกำหนดมาตรการคว่ำบาตรการคลัง ธนาคาร และการเงินอย่างฉุกเฉินแบบเต็มรูปแบบ และการเพิ่มการตรวจสอบชายแดนอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับพลเมืองโคลอมเบียและสินค้าที่มาจากโคลอมเบีย ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศว่า มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2025
โคลอมเบียประณามทรัมป์เนรเทศผู้อพยพ
ด้านผู้นำโคลอมเบียประณามการกระทำดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการปฏิบัติต่อผู้อพยพเสมือนเป็นอาชญากร โดยโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศกลับบ้านโดยเครื่องบินพลเรือนและพวกเขาควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพ พร้อมระบุว่า ขณะนี้มีชาวอเมริกัน 15,660 คน ในโคลอมเบีย ที่ไม่มีสถานะการย้ายถิ่นฐานที่ถูกต้องเช่นกัน
เช่นเดียวกับบราซิลที่ประณามและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปลดกุญแจมือให้กับกลุ่มผู้อพยพที่ถูกเนรเทศกลับประเทศ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากเที่ยวบินของผู้อพยพที่ถูกเนรเทศจากสหรัฐฯ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ชองบราซิลต้องลงจอดฉุกเฉินที่เมืองมาเนาส์ ทางตอนเหนือ เนื่องจากเกิดปัญหาทางเทคนิค และเจ้าหน้าที่พบว่าผู้อพยพบนเครื่องบินลำดังกล่าวถูกใส่กุญแจมือไว้
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงบราซิล ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการไม่เคารพสิทธิของพลเมืองเพื่อนร่วมชาติอย่างโจ่งแจ้ง
"คริสตี โนม" นั่งเก้าอี้ รมว.ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในสหรัฐฯ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ประกาศผลคะแนนรับรอง 59 ต่อ 34 แต่งตั้งให้ คริสตี โนม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
โนม เคยเป็นผู้ว่าการรัฐเซาท์ ดาโกตา และมีมุมมองที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเช่นเดียวกับทรัมป์ และเรียกการอพยพที่ผิดกฎหมายว่าเป็นการรุกราน ซึ่งโนมจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยชายแดน การเนรเทศ และงานด้านเอกสารการย้ายถิ่นฐานที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตลอดจนหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ และหน่วยข่าวกรอง
"พีท เฮกเซธ" สาบานตนนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม
พีท เฮกเซธ กล่าวสุนทรพจน์หลังจากรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คนใหม่ ณ อาคารสำนักงานบริหารไอเซนฮาวร์ ในทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025
ขณะที่ พีท เฮกเซธ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรองให้เฮกเซธนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโกมด้วยคะแนนฉิวเฉียดที่ 51 ต่อ 50 โดยได้คะแนนเสียงสุดท้ายจาก เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการลงคะแนนชี้ขาดจึงคว้ามติรับรองไปได้สำเร็จ
นับเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่รองประธานาธิบดีต้องลงคะแนนเสียงชี้ขาดให้กับผู้ได้รับการเสนอชื่อให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี หลัง สว.จากพรรคเดโมแครตและอิสระทั้งหมด รวมถึง สว.จากรีพับริกัน 3 คนลงคะแนนไม่เห็นชอบ จนทำให้เสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้านเท่ากันที่ 50 ต่อ 50 ซึ่งตามปกติแล้วผู้ได้รับการเสนอชื่อ มักได้รับเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนเสมอ
เฮกเซธ อดีตพิธีกรฟ็อกซ์นิวส์และทหารผ่านศึกผู้ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมมีข้อครหาหลายอย่าง ตั้งแต่พฤติกรรมการดื่มสุราจัด การล่วงละเมิดทางเพศสตรี รวมถึงการขาดประสบการณ์ด้านการบริหาร
อ่านข่าว : ผอ.CIA คนใหม่ ชี้ต้นตอเชื้อโควิดมีแนวโน้มหลุดจากห้องแล็บอู่ฮั่น
นักวิชาการ ติงรัฐบาล แก้ฝุ่นPM2.5 รู้ล่วงหน้าทำไมไม่เร่งหาทางแก้